หน้าแรกCOLUMNISTSพระสงฆ์กับ“การเมือง”

พระสงฆ์กับ“การเมือง”

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หลังจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้ประเทศไทยให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

“เปรียญสิบ” สังเกต พระภิกษุสงฆ์ ที่เคย “แอบอิง” กับ “นักการเมือง” หรือ “พรรคการเมือง” ทั้งในระดับจังหวัดและระดับชาติ

ต่าง…“เก็บตัวเงียบ”

ไม่มีการจัดสัมมนา “แกนนำชาวพุทธ” หรือ “เดินสาย” ช่วยเหลือ ตัว สส. หรือ พรรคการเมือง ดังที่เคยทำ!!

นับถอยหลังไปประมาณ 20 ปีมานี้ ต้องยอมรับมี “พระภิกษุบางรูป” เคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้ง “กลุ่มชาวพุทธบางพวก” โดยเดินสายช่วยเหลือ “นักการเมือง-พรรคการเมือง” ที่ตนเองชื่นชอบหรือมี “อุดมการณ์” ตรงกัน

“เปรียญสิบ” ถือว่า “ยุคนี้”  พระสงฆ์ “อยู่กับร่องกับรอย” ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น

อาจเป็นเพราะถูก “ร้องขอ” ให้หยุด จาก “ชนชั้นอำนาจ” เหนือ “รัฐบาล” ขึ้นไป

บางรูป…ถูกเรียกไป “ปรับทัศนคติ” บางรูป…ส่งคนมา “พูดคุย”

สุดท้าย..พระภิกษุที่ถูกขนานนามว่า “พระการเมือง” จึงเงียบสงบอยู่ภายใน “กุฎิ”

ความจริง พระพุทธศาสนาไม่ได้มีหลักการโดยตรง เรื่อง “ห้ามพระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง” แต่มี สิกขาบท ที่เกี่ยวข้อง เช่น การห้ามพระไปดูการทัพ (ปาจิตตีย์) เพื่อไม่ให้ข้องเกี่ยวกับความรุนแรง

ชาวพุทธไทย..จึงเห็น “พระภิกษุพม่า-ศรีลังกา” เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือบางปรากฎการณ์เป็น “แกนนำชุมนุม” เสียเอง!!

ตามหลัก “พระวินัย” แม้จะไม่ห้ามพระภิกษุไปเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือไปร่วมชุมนุม

แต่ประเทศไทยมี “มติ มส.” ห้ามพระภิกษุและวัดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือนักการเมือง

เช่น เมื่อปี 2538  มส.เคยมีมติ ห้ามพระภิกษุเกี่ยวข้องกับการเมือง มหาเถรสมาคมได้ออกคำสั่งเรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง

“ข้อ 4 ห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปในที่ชุมนุม หรือในบริเวณสภาเทศบาลหรือสภาการเมืองอื่นใด หรือในที่ชุมนุมทางการเมือง ไม่ว่ากรณีใดๆ” และ “ข้อ 5 ห้ามพระภิกษุสามเณรทำการใด ๆ อันเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่การหาเสียง เพื่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาเทศบาลหรือสภาการเมืองอื่นใดแก่บุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ..”

หรือแม้กระทั่งล่าสุดเมื่อปี 2561 มส.ก็เคยมีประกาศ “ห้ามใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุมหรือสัมมนา หรือจัดกิจกรรม ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ และความแตกแยกขึ้นในสังคม..”

แต่เชื่ออาตมาเถอะโยม!!  มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ เมื่อเป็นสัตว์สังคม ในโลกแห่ง “ประชาธิปไตย” มนุษย์ทุกคนจึงมี “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยผ่าน “กฎหมาย-นโยบาย” เป็นต้น

เมื่อพระภิกษุเป็น “มนุษย์” และเป็น “สัตว์สังคม” และอยู่ในประเทศที่มีรูปแบบเป็น “ประชาธิปไตย” จึงต้องมี  “กฎหมาย-นโยบาย” จาก “รัฐบาล-ภาครัฐ” เข้ามาเกี่ยวข้องกับ “สถาบันสงฆ์” อย่างหลักเลี่ยงไม่ได้

เมื่อเป็นแบบนี้ จะให้พระสงฆ์นั่งหลับตา “เปิดบาตร” รอฉันข้าวด้วยพลังแห่ง “ศรัทธา” อย่างแรงกล้าอย่างเดียว

อาตมาว่า..มันแปลก ๆ 

………………

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย……เปรียญสิบ [email protected]

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img