เข้าสู่ธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว นั่นหมายถึง…เหลือเวลาอีกแค่ไม่เกิน 2 เดือน ก็จะมีการ “ยุบสภาฯ” ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.2569 ตามที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เคยประกาศไว้หลายครั้ง…
“อยู่ไม่เกิน 31 ม.ค. 2569 รับรองไม่มีเบี้ยว ข้อตกลง MOA กับพรรคประชาชน”
เรื่องอยู่ไม่เกิน 4 เดือนไม่เกิน 31 ม.ค.2569 ทุกคนเชื่อว่า “อนุทิน” ไม่ฉีกสัตยาบัณการเมืองกับ “พรรคประชาชน” (ปชน.) แน่
แต่ที่หลายคนมองกันตอนนี้คือ ไม่ใช่อยู่ไม่เกินมกราคมปีหน้า แต่เผลอ ๆ อาจจะอยู่ไม่เกินปี 2568 นี้ด้วยซ้ำ แล้วชิงยุบสภาฯ เพราะหากดูจากพรรคการเมืองเวลานี้ ทั้งพรรคที่มีสส.อยู่ในสภาฯ อย่าง “ภูมิใจไทย-เพื่อไทย-ประชาชน-ประชาธิปัตย์-รวมไทยสร้างชาติ-กล้าธรรม-ชาติไทยพัฒนา-ประชาชาติ”
ก็อย่างที่แลเห็น พรรคที่มีความพร้อมในการเลือกตั้งมากสุด ก็คือ “พรรคภูมิใจไทย” เพราะเป็นทั้งพรรคแกนนำรัฐบาล-คุมอำนาจรัฐในมือ-มีคนของฝ่ายตัวเองอยู่ในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะใน ตึกสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
อย่างล่าสุด เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสรรหาฯกรรมการการเลือกตั้ง ทดแทน 2 ตำแหน่งที่ว่างลงเนื่องจาก “เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ” และ “ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ” 2 กรรมการ กกต. จะครบวาระในวันที่ 4 ธ.ค.68 นี้

โดยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้ลงมติเลือก “จิรุตม์ วิศาลจิตร” อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่า-อดีตกรมขนส่งทางบก-อดีตประธานบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (ในช่วงที่ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นรมว.คมนาคม” และอีกคนคือ “มณฑล สุดประเสริฐ” อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ก็ร่ำลือกันว่า เป็นคนมากคอนเนกชั่น รวมถึงเครือข่ายการเมืองสีน้ำเงิน ซึ่งดูแล้ว 2 ชื่อนี้
แนวโน้ม “สว.สีน้ำเงิน” น่าจะโหวตให้ความเห็นชอบเข้าไปเป็น “กกต.” แน่ และน่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เป็น “กกต.” ในช่วงการเลือกตั้งได้ทันแน่นอน และนั่นหมายถึง หากเป็นไปตามนี้ “ฝ่ายสีน้ำเงิน” ก็ถือว่ามี “เสียงข้างมาก” ในตึก กกต.จากที่มี 7 เสียง
ที่ผ่านมา ก็มี กลุ่มก้อนการเมืองและสส.ปัจจุบันแต่อยู่พรรคอื่น แต่เปิดตัวไว้ก่อนว่า จะเข้า “ภูมิใจไทย” รวมถึงอดีตสส.ทั้งเกรดเอ เกรดบี ที่เปิดตัวย้ายมา ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นหลายสิบคน
อีกทั้ง “อนุทิน” ก็ชิงเปิดตัว-เปิดชื่อ 3 แคนดิเดตนายกฯ ของ “พรรคภูมิใจไทย” ก่อนพรรคอื่น ที่ต้องถือว่า 3 ชื่อดังกล่าว “ชื่อชั้น-เครดิต” ดีกว่า “พรรคประชาชน” ที่เปิดชื่อใกล้ ๆ กัน ส่วน “พรรคเพื่อไทย” หลายคนมองว่า อยู่ในสภาพ “ผีหัวขาด” วันนี้ ยังหาแคนดิเดตนายกฯ ให้ครบ 3 ชื่อเพื่อเป็น “คู่เทียบ” กับ “ภูมิใจไทย-ประชาชน” ยังไม่ได้แต่ก็แกล้งทำเป็นว่า มีชื่อแล้วแต่ไทม์มิ่งยังไม่เหมาะสม
และที่สำคัญ หากมีการยุบสภาฯ เร็วขึ้น เพื่อเลี่ยงการถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน เพราะหากไม่มีการยุบสภาฯ ปล่อยให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอกได้ มันจะสร้างแรงกดดันการเมืองให้กับ “รัฐบาลอนุทิน” ที่เป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่ต้องมาคอยลุ้นแบบเสียวสันหลังว่า สส.พรรคประชาชนจะไปร่วมโหวตไม่ไว้วางใจหรืองดออกเสียงไว้วางใจ จนรัฐบาลอาจจนมุมกลางสภาฯ ดังนั้นการชิงยุบสภาฯ ก่อนยื่นซักฟอก จึงเป็นทางออกที่เซฟที่สุด
ยิ่งล่าสุดก็มีการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งก็เป็นการเปิดวิสามัญฯ 2 วันในช่วง 10-11 ธ.ค. เพื่อประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญฯ จะได้มีการพิจารณาลงมติเห็นชอบหรือไม่กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภา ที่เป็นการพิจารณารายมาตรา
จากนั้นพอผ่านวาระสอง ต้องเว้นไว้ 15 วัน เพื่อมาลงมติวาระสามอีกครั้ง โดยหากผ่านวาระสองในวันที่ 11 ธ.ค. ก็หมายถึง จะกลับมาโหวตวาระสามอีกครั้ง ประมาณวันที่ 26 ธ.ค. ที่ช่วงหลังมีแนวโน้มว่า “เพื่อไทย” จะยอมให้ผ่านวาระสามไปก่อน แล้วค่อยยื่นเรื่อง “ซักฟอกนายกฯ-รัฐบาล” ในช่วงต้นปีหน้า ทำให้ก็มีแนวโน้มว่า…อาจจะยุบสภาฯช่วงไม่เกินกลางปีเดือนมกราคม 2569 ที่ก็ร่นเวลาขึ้นมาเร็วกว่าเดิม ประมาณครึ่งเดือน ก็ถือว่า…โอเคแล้วสำหรับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” และ “พรรคร่วมรัฐบาล”

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พบว่า “อนุทิน-รัฐบาล” โดนวิจารณ์หนักพอสมควร ว่า “ล้มเหลวในการรับมือ-แก้ปัญหาวิกฤต” ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นบททดสอบ “ผู้นำประเทศ” ว่า เป็น “ของจริง” หรือ “ของปลอม”
อีกทั้งในทางการเมือง จ.สงขลา และอีกบางจังหวัดที่เจอปัญหาน้ำท่วม ก็เป็นจังหวัดที่ “ภูมิใจไทย” หมายมั่นปั้นมือในการจะได้ สส.เขตในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นให้มากที่สุด แต่พอเจอ “วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่” ทำให้ช่วงนี้ เมื่อโดนวิจารณ์หนัก ก็อาจมีผลทางการเมืองกับ “คะแนนนิยม” ในตัว “อนุทิน-ภูมิใจไทย” ที่ จ.สงขลาและบางจังหวัดภาคใต้ตามมา
เห็นได้จากล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคใต้”ที่สำรวจระหว่างวันที่ 18-24 พ.ย.68 สำรวจ 2,000 กลุ่มตัวอย่าง
ผล “นิด้าโพล” ออกมาว่า “บุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้” พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 25.65 ระบุว่าเป็น “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 3 ร้อยละ 15.40 ระบุว่าเป็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 12.85 ระบุว่าเป็น “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” (พรรคประชาชน)
ส่วน พรรคการเมืองที่คนใต้จะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 28.60 ระบุว่าเป็น “พรรคประชาธิปัตย์” อันดับ 2 ร้อยละ 28.45 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 17.80 ระบุว่าเป็น “พรรคประชาชน” อันดับ 4 ร้อยละ 11.65 ระบุว่าเป็น “พรรคภูมิใจไทย” อันดับ 5 ร้อยละ 3.90 ระบุว่าเป็น “พรรครวมไทยสร้างชาติ”
ผลสำรวจที่ออกมา ทำเอา “อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์” ดี๊ด๊า-คึกคักกันใหญ่ แต่ทำเอา “อนุทิน-ภูมิใจไทย” เครียดแน่นอน

ขณะเดียวกัน “เพื่อไทย” ก็ใช้เรื่องน้ำท่วม สร้างกระแสการเมืองโหมโรงไว้แล้วว่า ฝ่ายค้านจะเอาเรื่องนี้ ไปเป็นหนึ่งในประเด็นการรยื่นซักฟอก “อนุทิน-รัฐบาล” และดักคอไว้ว่า “อนุทิน” อย่าหนีการตรวจสอบ อย่าหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยการชิงยุบสภาฯ เสียก่อน
เรียกว่า…สถานการณ์น้ำท่วมเชิงการเมือง เห็นชัด ๆ ว่า “อนุทิน-รัฐบาล-ภูมิใจไทย” เจอผลพวงเข้าไปเต็ม ๆ ทำเอา “อนุทิน” เจอภาวะ “รัฐบาลประสบภัย”
ยิ่งหากยุบสภาฯ เร็ว โดยยังไม่ได้ทำให้คนหาดใหญ่-สงขลาและคนใต้รู้สึกดีหรือประทับใจการแก้ปัญหา-เยียวยา-ฟื้นฟูของรัฐบาล ก็จะยิ่งทำให้ “คะแนนนิยม” ของ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” ที่ภาคใต้อาจเจอปัญหาตอนหาเสียงเลือกตั้งในภาคใต้ เข้าทางคู่แข่ง ทั้ง “ประชาธิปัตย์-ประชาชน-ประชาชาติ” เป็นต้น ส่วน “เพื่อไทย” ไม่มีผล เพราะยังไง ก็ยากที่…คนใต้จะเลือกเพื่อไทย
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็น “สถานการณ์แทรกซ้อน” ที่มีผลต่อการ “กุมจังหวะทางการเมือง” ในเรื่องการตัดสินใจยุบสภาฯ ของ “อนุทิน” ในช่วง 2 เดือนต่อจากนี้ โดยเฉพาะหลังสภาฯ จะเปิด 12 ธ.ค. ที่จะถึงนี้
……………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”






































