หน้าแรกCOLUMNISTS‘ภท.’ลุ้น‘เอกนิติ-ศุภจี’ลงเรือลำเดียวกัน หลัง‘สัญญาณตอบรับ’ถึงตอนนี้ยังไม่ชัด

‘ภท.’ลุ้น‘เอกนิติ-ศุภจี’ลงเรือลำเดียวกัน หลัง‘สัญญาณตอบรับ’ถึงตอนนี้ยังไม่ชัด

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หลัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดชื่อ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกฯและรมว.คลัง และ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” รมว.พาณิชย์ เป็น 2 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้ มีการยุบสภาฯไปแล้วตั้งแต่ 12 ธ.ค.และจะมีการรับสมัครเลือกตั้งและต้องส่งชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ” ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงสัปดาห์หน้า ที่ กกต.รับสมัครเลือกตั้ง ตั้งแต่ 27-31 ธ.ค.

แต่จนถึงขณะนี้ “เอกนิติ-ศุภจี” ก็ยังไม่แสดงความชัดเจนอย่างเป็นทางการว่า ตกลงจะ “รับเทียบเชิญ” ของ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” หรือไม่ ?

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า แกนนำภูมิใจไทย ทั้งสายดั้งเดิม กับสายใหม่ที่เข้ามาในช่วงนี้ เริ่มนั่งไม่ติด กับความไม่ชัดเจนของ “เอกนิติ-ศุภจี”

จนมีข่าวลือหลายกระแส บ้างก็ว่า “วอร์รูมภูมิใจไทย” เปิดห้องวีไอพีที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านซอยรางน้ำที่เป็นเซฟเฮ้าส์ของ “เนวิน ชิดชอบ” และ “แกนนำพรรคภูมิใจไทย” คุยกับ “เอกนิติ” และทีมงานข้างกายแล้ว โดยพยายามเกลี้ยกล่อมและยื่นเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อรับประกันว่า ถ้ามาร่วม “ลงเรือลำเดียวกัน” ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังไงก็มีตำแหน่งในรัฐบาลแน่ หาก “ภูมิใจไทย” ได้เป็นแกนนำรัฐบาลหรือเป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาล ก็จะดันให้มีตำแหน่งใน ครม. หรือต่อให้ “ภูมิใจไทย” เกิดเป็นฝ่ายค้านขึ้นมา ก็จะดูแลกันอย่างดี ยังไงมีตำแหน่งแห่งหนทางการเมืองหรือทางภาคธุรกิจที่จะพอหาตำแหน่งใหญ่ให้

อย่างไรก็ตาม ข่าวบางกระแสอ้างว่า ผลการหารือยังไม่มีข่าวแน่ชัดว่า “ดร.เอกนิติ” ตอบตกลงหรือไม่ แต่ก็มีกระแสข่าวในทำนอง “เอกนิติ” ไม่ต้องการลงแคนดิเดตนายกฯ เพราะไม่อยากให้ภาพตัวเองผูกมัดกับการเมือง-พรรคการเมืองมากเกินไป แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีท่าทีอ่อนลง และพยายามต่อรองขอเวลากับ “อนุทิน” ว่า ขอเวลาตัดสินใจก่อน ใกล้ ๆ จะรีบบอก ที่ก็คือ ยังไงต้องชัดเจนภายในสัปดาห์หน้านี้แล้ว เพราะหากไม่ตอบรับ “อนุทิน” ก็จะได้หาชื่อใหม่เสียบแทนได้ทัน

เอกนิติ-อนุทิน-ศุภจี

ขณะที่ “ศุภจี-รมว.พาณิชย์” ให้สัมภาษณ์แบบแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยออกตัวว่า…

“ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการพูดคุยและตัดสินใจ ซึ่งจำเป็นต้องหารือร่วมกับครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าว มีความสำคัญสูง และส่งผลกระทบต่อทิศทางของประเทศ เพราะตำแหน่งที่ได้รับการทาบทาม เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ จึงต้องพิจารณาในทุกมิติ ทั้งข้อดีและข้อเสียต่อส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะของตัวเอง เมื่อมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งให้ทราบ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องรอนายกรัฐมนตรีประกาศความชัดเจน

เรื่องนี้ต้องคุยกับทุกคน เพราะจะเป็นการทำงานที่เกินระยะเวลา 4 เดือนที่ตกลงไว้กับครอบครัวตั้งแต่แรก เนื่องจากในตอนแรก จะมารับตำแหน่งเพียง 4 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การรับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ครอบครัวสนับสนุนดี และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ครอบครัวก็มีความสุขดี เพราะสิ่งที่ทำ ได้ผลประโยชน์กลับไปให้กับประชาชน และประเทศ

ตัวดิฉันเองไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเมือง แต่มีความตั้งใจในการเข้ามาทำงานเป็นหลัก และตอนนี้ ยังทำหน้าที่เป็นรมว.พาณิชย์ และพยายามทำงานสนับสนุนรัฐบาลทุกเรื่อง แม้ยุบสภาไปแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการก็ยังทำงานไม่หยุด และทำมากขึ้นเดิมด้วยซ้ำ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เราต้องทำงานให้เต็มที่”

ส่วนกระแสข่าวว่า “อนุทิน-ภูมิใจไทย” มี “แผนสำรอง” หาก “เอกนิติ-ศุภจี” ไม่ตอบรับเทียบเชิญ หรือตอบรับแค่คนเดียว แล้วจะใส่ชื่อ “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.ต่างประเทศ เข้ามาแทนนั้น

ข่าวบางกระแสจากกระทรวงการต่างประเทศ อ้างอิงว่า “สีหศักดิ์” พูดแบบไม่เป็นทางการกับคนในกระทรวงต่างประเทศว่า “ไม่สนใจงานการเมืองแบบเต็มตัว เต็มที่ก็เป็นแค่สมาชิกพรรคการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย แต่ครั้นจะให้ลงแคนดิเดตนายกฯ ต้องคิดหนัก เพราะไม่ถนัดงานการเมือง และคนในครอบครัว ก็ไม่ค่อยสนับสนุนเท่าใดนัก”

ทำให้ “แผนสำรอง” ที่จะดัน “สีหศักดิ์” เสียบแทน ก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว ยกเว้นจะเปลี่ยนใจในช่วงสัปดาห์หน้านี้ ถ้าถูก “อนุทิน” ตามตื้อหนัก แต่หากทั้ง “เอกนิติ-ศุภจี” ตอบรับ ก็คงทำให้ “สีหศักดิ์” ถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่เอาตัวเองเข้าไปการเมืองเต็มตัว

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว

แน่นอนว่า หาก “ภูมิใจไทย” ได้ “เอกนิติ-ศุภจี” มาลงเป็นแคนดิเดตนายกฯให้ในการเลือกตั้ง จะทำให้พรรคมี “ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นแบบพุ่งพรวด” จากที่คนมองกันว่า เป็นพรรคบ้านใหญ่-พรรคภูธร-พรรคเน้นสส.เขต ไม่มีเทคโนแครตเฉพาะด้านอยู่กับพรรค ที่เป็นจุดอ่อนของ “ภูมิใจไทย” มาตลอดการเลือกตั้งสามครั้งที่ผ่านมา คือปี 2554 2562 และ 2566 นับแต่ตั้งพรรคมา

จนทำให้ที่ผ่านมา “ภูมิใจไทย” ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์น้อยมาก จนทำให้พรรคได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยตามไปด้วย เห็นได้จากล่าสุด เลือกตั้งปี 2566 ได้ส.ส.มา 71 คน แต่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แค่ 3 คน ได้ส.ส.เขตถึง 68 คน ถือว่า”ไม่ได้สัดส่วน”อย่างยิ่ง เพราะเท่ากับได้ปาร์ตี้ลิสต์เท่ากับ ประชาธิปัตย์ ที่ก็ได้ปาร์ตี้ลิสต์สามที่นั่ง แต่ประชาธิปัตย์ ได้ส.ส.เขตแค่ 22 คน

แม้แต่กับ “จ.บุรีรัมย์” ฐานที่มั่นสำคัญของ “ภูมิใจไทย-เนวิน-อนุทิน” ซึ่งแม้ “ภูมิใจไทย” จะได้ “สส.บุรีรัมย์” ยกจังหวัด 10 ที่นั่ง แต่กลับแพ้ “พรรคก้าวไกล” ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ ที่ได้คะแนนมาอันดับ 1 นี้คือ “จุดอ่อนสำคัญ” ของ “ภูมิใจไทย” ที่ “เนวิน-อนุทิน” รู้ตัวเองดีมาตลอดว่า มีจุดอ่อนที่คะแนนพรรค-กระแสพรรค ทำให้ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์น้อย ไม่ได้สัดส่วนกับจำนวน สส.เขต

ทำให้ “อนุทิน-เนวิน-ภูมิใจไทย” ต้องการ “ปิดจุดอ่อน” ดังกล่าว ซึ่งแผนหนึ่งที่คิดว่าได้ผลเร็ว ก็คือ การได้แคนดิเดตนายกฯที่ชื่อเสียงดี ภาพลักษณ์เยี่ยม เป็นคนที่มีประวัติการทำงานดี ประสบความสำเร็จ คนรู้จัก  มาทำให้ภาพของพรรคดูดีขึ้น เพื่อดึงคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์เข้าพรรค ทำให้ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” จึงตามตื้อ “เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์” อย่างหนัก อย่างที่เห็น    

คาดว่า ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันรับสมัคร “อนุทิน” คงเร่งให้ “เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์” รีบให้คำตอบได้แล้วว่า ตกลงจะ Yes หรือจะ No เพราะหากไม่มา จะได้รีบปรับแผนการหาเสียง ที่เชื่อว่า “เนวิน-อนุทิน” มี “แผนสำรอง-แผน B” ไว้รองรับแล้ว

………………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img