สถานการณ์ช่วงนี้ ดูจะไม่ค่อยเป็นใจสำหรับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ-ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม
เพราะลำพังตัวเอง ก็โดนพรรคฝ่ายค้าน “พรรคประชาชน” ไล่บี้หนัก ทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ โดยเฉพาะในสภาฯก็กดดันไล่ตรวจสอบอย่างหนัก ผ่านช่องทาง คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “รังสิมันต์ โรม” แกนนำพรรคประชาชน เป็นประธาน กมธ. โดยใช้ กมธ.ไล่บี้ “ธรรมนัส” และ “คนในพรรคกล้าธรรม” อย่างหนักว่าเกี่ยวข้องกับเรื่อง “ทุนเทา”
ถึงขนาดกดดันไปถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ได้เป็นนายกฯ เพราะสส.พรรคประชาชนโหวตให้เป็นนายกฯ โดยเรียกร้องให้ “ปลด-ปรับธรรมนัส” ออกจาก ครม.พร้อมกับขู่ฟอด ๆ หลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ อาจมีการยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล-รัฐมนตรีรายบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทุนเทา-สแกมเมอร์ หากสังคมยังคลางแคลงใจและรัฐบาลยังจัดการแก้ปัญหาไม่สะเด็ดน้ำ ไม่สาวถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังทุนเทา-สแกมเมอร์
ที่ก็คือ การกดดันไปที่ตัว “ธรรมนัส-กล้าธรรม” ควบคู่ไปกับการบิวด์สโลแกนพรรค “มีเรา ไม่มีเทา” ที่ทำให้ “ธรรมนัส” เกือบน็อตหลุดหลายรอบ หลังโดน “ไล่บี้” หนัก
ล่าสุด สถานการณ์นอกจากไม่ดีขึ้น ยังยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกมาระบุว่า หลังจากสืบสวนขยายผลและบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานของกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 3 เว็บไซต์ และเว็บไซต์การพนันออนไลน์อื่น ๆ พบเส้นทางการเงินของบุคคลที่มีพฤติการณ์กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ กับ “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม กับพวก

คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้ ยึดและอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีดังกล่าว ไว้ชั่วคราวไม่เกิน 90 วัน ซึ่งมีทั้งเงินสด รถยนต์ ที่ดิน เงินและหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมจำนวน 69 รายการ มูลค่าประมาณ 159 ล้านบาท
ซึ่งตัวของ “ชนนพัฒฐ์” ก่อนจะมาเป็น สส.พบว่า เมื่อปี 2565 เคยมีคดีเป็นชนักติดหลังอยู่ เพราะเคยถูกตำรวจจับกุมพร้อมพวก ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยการสอบสวนคดี ก็มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า มีทั้งคดีที่จบไปแล้ว ที่ตำรวจ-อัยการสั่งไม่ฟ้อง ที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา แต่ก็มีบางคดี เช่นคดีที่ สภ.หาดใหญ่ ที่ปรากฏว่า หลังตำรวจกับอัยการมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรอให้ “อัยการสูงสุด” ชี้ขาด เป็นต้น
จึงทำให้กลายเป็นที่มาของการที่ มีการส่งเรื่องให้ ปปง.อายัดทรัพย์ไว้ก่อน
สำหรับ “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” ตอนเลือกตั้งปี 2566 ลงสมัคร สส.ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ต่อมาเมื่อ “ธรรมนัส” แยกตัวออกจากบ้านป่ารอยต่อฯ มาตั้ง “พรรคกล้าธรรม” ทำให้ “ชนนพัฒฐ์” เด็กปั้นของ “ธรรมนัส” เลยตามไปอยู่ “พรรคกล้าธรรม” กับ “ลูกพี่ธรรมนัส” พร้อมกับมีตำแหน่งเป็น “กรรมการบริหารพรรคกล้าธรรม” ด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อ “ชนนพัฒฐ์” สส.พรรคกล้าธรรม ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดนเข้าแบบนี้ มันไม่เป็นผลดีกับ “พรรคกล้าธรรม” แน่นอน เพราะคนก็ต้องมองว่า การที่ “ปปง.” ที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ และ “อนุทิน” นายกฯ คุมหน่วยงานแห่งนี้เอง มีการอายัดทรัพย์ สส.พรรครัฐบาล อย่าง “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” แสดงว่า ข้อมูลพยานหลักฐานมันต้องแน่นหนาจริง เพราะหากไม่แน่นหนาจริง ป่านนี้ “ธรรมนัส” ลูกพี่ใหญ่ คงไม่ยอมแน่ ที่ “ปปง.” มาทำแบบนี้กับลูกพรรคตัวเอง
แต่จะพบว่า “ธรรมนัส” ก็ไม่ได้ออกมาโวยวายอะไร เพราะคงเห็นข้อมูลต่าง ๆ ที่ทำให้ “ปปง.” ดำเนินการกับ “ลูกพรรคตัวเอง” แล้วว่า “หากขืนออกมาปกป้อง พังแน่” และจะยิ่งกลายเป็นหลักฐานทางการเมือง ลากตัวเองเข้าไปติดร่างแหการเมืองด้วย เลยปล่อยเลยตามเลย
รวมถึงไม่แน่ว่า ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น สุดท้าย หากกระแสแรงจริง ๆ “ธรรมนัส” อาจต้องให้ “ชนนพัฒฐ์” เว้นวรรค ไม่ลงเลือกตั้ง แล้วส่ง “คนใกล้ชิด” หรือ “เครือญาติ” ลงแทน เพื่อหลบกระแสเชิงลบ เพราะหากขืนส่งลง แล้วเจอกระแสคัดค้าน-ต่อต้านจาก “คนใต้” ในพื้นที่หลายจังหวัดที่ “ไม่เอาทุนเทา” จะทำให้ “พรรคกล้าธรรม” หาเสียงลำบาก มันจะไปเข้าทางพรรคการเมืองคู่แข่ง ให้เอาเรื่องนี้มาโจมตีพรรคในการเลือกตั้ง จนอาจทำให้ที่ “พรรคกล้าธรรม” ต้องการกวาด สส.ภาคใต้ ระดับ 15 -20 ที่นั่งขึ้นไป อาจพังได้ เลยเป็นไปได้ที่ต้องเล่นบท “ลอยแพ” ตัดหางปล่อยวัด “ชนนพัฒฐ์” ไปก่อน ดีกว่าจะพากัน “พังทั้งพรรค”

เพราะอย่างข้อมูลที่มีการนำไปเปิดเผยกลางที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เมื่อ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการพิจารณาเรื่อง เส้นเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งวันดังกล่าว มีการเชิญ “ชนนพัฒฐ์” ไปชี้แจงด้วย ซึ่งตอนแรกก็ตอบรับว่า…“ไปแน่” แต่สุดท้าย “ก็ไม่ไป” อาจเพราะรู้ดีว่า ขืนไปโดนเชือดกลางห้องประชุม กมธ.แน่ เพราะเพิ่งถูก “ปปง.” อายัดทรัพย์มาสด ๆ ร้อน ๆ
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า ตัวแทนสำนักงาน ปปง. ชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ.ฯ ว่า จากการสอบสวนพบว่า มีเว็บจิมิ 88 และเว็บจิมิ 44 มีการชักชวนให้มีการเล่นการพนันและได้จริง ซึ่งจากคำให้การ “ชนนพัฒฐ์” เป็นเจ้าของเว็บไซต์และได้ผลประโยชน์ มีการกดเงินสดจากเว็บพนัน แล้วนำไปมอบให้ “ชนนพัฒฐ์” ซึ่งเป็นผู้ดูแลและจัดการผลประโยชน์ โดยได้ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับ “กลุ่มผู้ต้องหา” จึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นการทำธุรกรรมในลักษณะของ “ผู้เล่น” แต่เป็น “ผู้รับประโยชน์” ซึ่งเป็น “เจ้าของเว็บ”
จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินเบื้องต้น รถ 1 รายการ เงินสด 1 รายการ เงินในหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และหน่วยลงทุน 6 รายการ และยังมีที่ดิน ห้องชุด 61 รายการ รวมทั้งสิ้น 69 รายการ แบ่งเป็นของนายชนนพัฒฐ์ 9 รายการ 36 ล้านบาท และผู้ที่เกี่ยวข้อง 60 รายการ ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติให้ยึดอายัดทรัพย์ไว้ 69 รายการ ประมาณ 159 ล้านบาท
เมื่อเป็นแบบนี้ ทุกอย่างไหลเข้าทาง “พรรคประชาชน” ที่เปิดศึกกับ “ธรรมนัส-กล้าธรรม” ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะทำให้ “พรรคประชาชน” ยิ่งได้ใจในการไล่บดขยี้-กระซวก “ธรรมนัส-กล้าธรรม” ได้อีกหลายชุด
ที่ไม่แน่ หากขุดต่อไปเรื่อย ๆ ใช้ช่องทาง กมธ.ฯ ของสภาฯ หาข้อมูลต่าง ๆ มาต่อจิ๊กซอว์ จนถ้าวันหนึ่ง ไปเจอหลักฐานเด็ด ที่ “พรรคประชาชน” คิดว่ามีน้ำหนักเพียงพอ ในการนำไปสู่การยื่นซักฟอก “ธรรมนัส” ได้ ที่หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องดูแล้วว่า “ธรรมนัส” จะตั้งหลักสู้อย่างไร หรือจะชิงลาออกหรือจะร้องขอให้ “อนุทิน” ชิงยุบสภาฯ ก่อนฝ่ายค้านยื่นซักฟอกตัวเอง เพราะไม่อยากเสี่ยง ได้เสียงไว้วางใจไม่เกินกึ่งหนึ่ง หากฝ่ายเพื่อไทยไม่ช่วยออกเสียงไว้วางใจให้
สถานการณ์ช่วงนี้ จึงไม่เป็นใจกับ “ธรรมนัส” และ “กล้าธรรม“ เสียเลยจริง ๆ !!!
………………………………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”






































