กองทัพไทย เริ่มให้น้ำหนัก กับประเด็นทหารรับจ้างเข้าไปปฏิบัติงานในประเทศกัมพูชาจริง โดยทหารรับจ้างเหล่านี้ไม่ได้ทำงานให้รัฐบาล แต่ถูกจ้างโดย “กลุ่มจีนเทา” ที่เป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่ไปตั้งฐานสแกมเมอร์ในกัมพูชา เพราะกฎหมายและอำนาจรัฐเข้าไม่ถึง ทำให้ทุนเทาสร้างกองทัพส่วนตัวขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า บรรดาบอสมาเฟียทุนเทาใช้บริการบริษัททหารรับจ้างเหล่านี้ในฐานะ “บอดี้การ์ด” และ “ครูฝึก” ให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย การฝึกสอนครอบคลุมแทบทุกอย่างที่ทหารและตำรวจฝึก
อาทิ การลาดตระเวนข่าวกรองและการเฝ้าระวัง (ISR), การอารักขาบุคคลสำคัญ (VIP), การปฐมพยาบาล, และการช่วยเหลือตัวประกัน รวมทั้งการใช้อาวุธต่าง ๆ ทั้งอาวุธเบา อาวุธหนัก ให้เกิดความชำนาญ
มีรายงานว่า เอกชนรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับทหารรับจ้างในกัมพูชา คือ บริษัท โคลส โปรเทคชั่น ยูนิต หรือ CPU เริ่มดำเนินการในกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2020 โดย นายโกรอม อดีตนักสืบเอกชนชาวฮังการี
โดย CPU ทำหน้าที่เป็น “โบรกเกอร์” คอยจัดหาทหารรับจ้างให้กับบริษัท รปภ.เอกชนในกัมพูชา เชื่อมโยงกับอีกหนึ่งบริษัทใหญ่ นั่นคือ เอกชนที่ชื่อว่า แชโดว์ ดีเฟนซ์ บริษัททหารรับจ้างจีนนี้เป็นตัวเชื่อมสำคัญกับ CPU
แชโดว์ ดีเฟนซ์ เคยจดทะเบียนในประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2022 แต่ปัจจุบันได้เลิกกิจการไปแล้ว มีกรรมการบริษัท คือ ชายไทย ชื่อ นายอานุภาพ และนักธุรกิจชาวจีน ผู้ก่อตั้งบริษัท คือ นายลู เวินบิน

ทั้ง CPU และ Shadow Defense รับสมัครทหารรับจ้างจากทั่วโลก โดยมุ่งเป้าไปที่อดีตทหารที่มีความรู้ด้านการใช้อาวุธ โดยเฉพาะอดีตทหารกองทหารต่างชาติและอดีตหน่วยรบพิเศษ พวกเขาเสนอค่าตอบแทนที่สูงมาก เช่น เงินเดือน 4,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน พร้อมที่พัก อาหาร วีซ่า และค่าเดินทาง
การรุกคืบครอบงำประเทศโดยกลุ่มทุนเทา ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรัฐบาลกัมพูชากับทุนเทานั้น แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้ทุนเทาสามารถใช้ทหารรับจ้างเหล่านี้สู้รบร่วมกับกองทัพกัมพูชาได้ ในลักษณะที่ไม่ต่างจากครูฝึกต่างชาติในสงครามอื่น ๆ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ กรณีกัมพูชาใช้ทหารับจ้างมาสู้รบกับทหารไทย มองว่า โดยทั่วไปทหารรับจ้างพวกนี้จะมาจาก 4-5 ประเทศ ทางโซนยุโรปตะวันออก ที่เข้ามาพัวพันกับทางกัมพูชา แต่ยังไม่อยากระบุชื่อประเทศชัดเจนเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สำหรับเงินทุน อาจจะมีกลุ่มสแกมเมอร์หลายกลุ่มอำนวยความสะดวกจัดหาบางส่วน จะอยู่ในรูปแบบบริษัทซึ่งมีความซับซ้อน โดยแบบออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มแรกคือกลุ่มทหารรับจ้างให้มาทำกิจกรรมเชิงเทคนิค เป็นทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทักษะเฉพาะทางเรื่องเทคโนโลยีทันสมัย เรื่องไซเบอร์ วางระบบโดรน ไม่เกี่ยวข้องกับนักรบในสนามรบ ทหารรับจ้างกลุ่มนี้จะน่ากลัวเพราะมีความชำนาญด้านเทคโนโลยี ด้านไซเบอร์ มีอุปกรณ์สมัยใหม่มาช่วยเสริมกำลังรบในตอนกลางคืน
2.กลุ่มทหารรับจ้างที่เป็นนักรบในสนามรบโดยตรง กลุ่มนี้คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ เชื่อว่าทหารไทยรับมือได้ เพราะทหารับจ้างกลุ่มนี้จะไม่คุ้นชินในพื้นที่ภูมิประเทศ เชื่อว่าทหารไทยจะได้เปรียบกว่า แต่ของไทยต้องเป็นหน่วยรบหลักที่มีประสบการณ์ ไม่ใช่ทหารเกณฑ์
หรือหากจะนำทหารเกณฑ์มารบ ก็ควรเป็นทหารมาจากท้องถิ่นที่ได้รับการฝึกมาในระดับหนึ่งถึงจะได้เปรียบ

ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ทหารรับจ้างที่มาทำงานให้กับทุนจีนเทาอาจเป็นได้ทั้ง ไพรเวท มิลิทารี่ คอมพานี หรือ พีเอ็มซี ที่มีการจดทะเบียน เสียภาษีอย่างถูกต้อง ทำงานภายใต้การรับรองของกฎหมายระหว่างประเทศ รับงานเฉพาะด้านอารักขาและที่ปรึกษา
มีความแตกต่างจาก เมอซีนารี่ หรือกลุ่มทหารรับจ้าง ที่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน ไม่เสียภาษี และทำงานโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของประเทศใด ๆ นอกเหนือจากประเทศผู้ว่าจ้าง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มทหารทั้งสองประเภท ล้วนมีพื้นฐานมาจากกลุ่มผู้มีความสามารถทางการทหาร ที่ออกมารับงานนอกระบบกองทัพ และบริษัทที่ให้บริการ PMC ก็สามารถให้บริการในลักษณะของเมอซีนารี่ได้เช่นกัน
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการที่ทุนเทาใช้ทหารรับจ้างเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “สงครามลูกผสม” หรือ ไฮบริดจ์ วอร์เเฟร์ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสู้รบทางทหารเท่านั้น ประเทศไทยกำลังต่อสู้กับ “สแกมอาร์มี่” ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อระบบการเงินโลกและความมั่นคงทางไซเบอร์
และประเทศไทยกำลังทำหน้าที่ในฐานะ “ผู้รับผิดชอบต่อความมั่นคงร่วมของโลก” เพื่อสกัดกั้นโครงสร้างสนับสนุนของอาชญากรรมข้ามชาติ โดยศัตรูที่แท้จริงคือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ประชาชนกัมพูชา
นอกจากนี้ เรื่องนี้ยัง สะท้อนให้เห็นว่า ทุนเทามีขนาดใหญ่และอันตรายมากกว่าที่หลายคนคิด เปรียบเสมือนการที่กลุ่มอาชญากรรมสามารถซื้อกองทัพส่วนตัวมาปกป้องอาณาจักรที่ผิดกฎหมายของตนเองได้
…………
คอลัมน์ : The Key Reported by Fah kham-ram



















