กองทัพบก รายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี เกิดเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
1.จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ อาการข้อเท้าขวาขาด
2.พลทหารวชิระ พันธนา อาการแน่นหน้าอกจากแรงอัด
3.พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา
4.พลทหาร อนุชา สุจารี มีอาการระคายเคืองตาจากฝุ่นหรือสารเคมีของระเบิด
ขณะนี้ทุกนายได้รับการรักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่แล้ว”
ปัจจุบันได้ดำเนินการส่งตัวด้วยอากาศยานเข้าทำการรักษา ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานีเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเหตุการณ์ กรณีมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และได้ดำเนินการส่งตัวเข้าทำการรักษาเรียบร้อยแล้ว
โดยนายกรัฐมนตรีมีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง และได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมพิจารณาประท้วงไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT โดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ และขอส่งกำลังใจให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่บริเวณชายแดน พร้อมขอให้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องด้วย

ขณะที่ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ได้สอบถามไปยังพล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ทำให้ทราบว่า พื้นที่ประสบเหตุอยู่ระหว่างปราสาทเขาพระวิหาร และภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ โดยเป็นพื้นที่ที่เรากำลังผลักดันกัมพูชาออกไป โดยขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังตรวจสอบเหตุต่อไปว่า ทุ่นระเบิดที่นำมาวางเป็นของใหม่หรือเก่า แต่แม่ทัพภาคที่ 2 คาดว่าน่าจะเป็นของใหม่ จึงต้องทบทวนการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาออกไปก่อน

หากย้อนไปวันที่ 10 ก.ย.68 “พล.อ.มนัส จันดี” เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เคยให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางไปพื้นที่ภูมะเขือ โดยระบุว่า…
“ผมได้ไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่เหยียบระเบิดแล้วขาขาดรู้สึกเศร้าใจมาก ตั้งแต่เกิดการปะทะ และหลังปะทะ 6 ขาแล้ว จะต้องไม่มีขาที่ 7 นะกัมพูชา ถ้ามีขาที่ 7 ตามแนวพื้นที่ชายแดน เรารู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนวาง คุณจะปฏิเสธอย่างไร คุณปฏิเสธได้ แต่เรารู้ว่าใครวางหน่วยทหารในพื้นที่ ที่ตั้งคุณอยู่ตรงไหน ผบ.หน่วยคุณชื่ออะไร ทั้งหน่วยดำเนินกลยุทธ์ และทหารช่างที่มาวาง PMN2 เพราะฉะนั้นถ้ามีขาที่ 7 เป็นความชอบธรรมที่เราจะยิงกระสุนปืนใหญ่ไปที่พิกัดที่คุณอยู่ ที่หน่วยคุณอยู่ ผมเศร้าใจมาก โดยเฉพาะน้องที่เหยียบกับระเบิดมาต้องตัดขา ขอร้องให้เลิก อย่าทำอย่างนี้ ถ้าอยากจะรบกันก็ประกาศมาตรง ๆ”

เหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาในวันนี้ ทำให้รวมแล้วมีทหารไทยสูญเสียขา จาการเหยียบกับระเบิดของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนรวม 7 ครั้ง
ครั้งที่ 1 วันที่ 16 ก.ค.68 พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้สูญเสียขาซ้าย ส่วนอีก 2 นาย ถูกแรงระเบิดอัดเจ็บหน้าอก มีอาการหูอื้อ
ครั้งที่ 2 วันที่ 23 ก.ค.68 จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูหล้า เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้สูญเสียขาขวา และอีก 4 นายมีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ จากแรงสั่นสะเทือนของแรงระเบิด
ครั้งที่ 3 ในวันที่ 28 ก.ค.68 ก่อนเวลาหยุดยิงเพียงไม่นาน ร้อยตรีเกียรติวงศ์ สถาวร หรือ “หมวดบุ๊ค” เหยียบทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้รอบปราสาทตาควาย ในความพยายามสุดท้ายเพื่อยึดพื้นที่ปราสาทของทหารไทย จนสูญเสียขาข้างขวา
ครั้งที่ 4 วันที่ 9 ส.ค.68 จ่าสิบเอกธานี พาหา เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณโดนเอาว์-กฤษรา จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด และทหารกอีก 2 นายบาดเจ็บริเวณแขนและด้านหลัง รวมถึงแก้วหู
ครั้งที่ 5 วันที่ 12 ส.ค.68 สิบเอกธีรพล เพียขันที เหยียบทุ่นระเบิดทุ่นระเบิด PMN 2 บริเวณปราสาทตาเมือนธม ทำให้ขาข้างซ้ายขาด
ครั้งที่ 6 วันที่ 27 ส.ค.68 พลทหารอดิศร ป้อมกลาง เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณปราสาทตาควาย ทำให้สูญเสียขาข้างขวาไป
ครั้งที่ 7 วันนี้ 10 พ.ย.68 ที่บริเวณห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ สังกัดร้อย ร.1611 เหยียบทุ่นระเบิดจนข้อเท้าขาด และ พลทหารวชิระ ทันทนา สังกัด ร้อย ร.1611 มีอาการแน่นหน้าอก
หลังจากนี้ คงต้องจับตาดูว่า “สันติภาพ” ตามแนวชายแดน จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เมื่อฝ่ายกัมพูชา ยังคงใช้วิธีลอบกัด วางทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ในเขตพื้นที่อธิปไตยของไทยอย่างต่อเนื่อง
ต้องดูว่า คำพูดของ “เสนาธิการทหาร” ที่เตือนกัมพูชาเอาไว้ว่า อย่าให้มีขาที่ 7 จะส่งผลอย่างไร เมื่อการกระทำของกองกำลังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้แสดงออกถึงความต้องการสันติภาพ ตามที่พยายามเล่นละครหลอกชาวโลก
…………….
คอลัมน์ : The Key Reported by Fah kham-ram






































