หน้าแรกHighlightค่าเงินบาทเปิดตลาด‘แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย’ จับตาจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐ

ค่าเงินบาทเปิดตลาด‘แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย’ จับตาจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐ

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” หลังตัวเลขยอดการจ้างงานภาคเอกชนแย่กว่าคาดมาก จับตา PMI ภาคการบริการของจีน-ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐฯ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.34-32.41 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯที่มาพร้อมกับการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) เหนือโซนแนวต้าน 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ตามรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในเดือนมิถุนายน ที่ออกมาลดลง 3.3 หมื่นราย แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเกือบ 1 แสนราย

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้จะถูกกดดันบ้างจากความกังวลแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ หลัง ADP รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนที่แย่กว่าคาดไปมาก ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯใหญ่ อาทิ Tesla +5.0% และ Nvidia +2.6% ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯและรายงานข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับเวียดนาม ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.94% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.47%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.18% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม นำโดย LVMH +4.2% หลังนักวิเคราะห์เริ่มทยอยปรับคำแนะนำลงทุน ทว่า ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอติดตามแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับยุโรป

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 4.26% โดยการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯถูกชะลอลงบ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯในวันพฤหัสฯนี้

โดยมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯได้ปรับตัวลดลงมาพอควร และอยู่ในโซนที่ยังไม่น่าสนใจทยอยเข้าซื้อ (อาจเริ่มน่าสนใจในการทยอยขายทำกำไรบ้าง หากบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯปรับตัวลดลงต่อ สำหรับผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ตั้งแต่ในช่วงบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯสูงกว่าระดับ 4.50%) ซึ่งเราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ หรือบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจกว่า (โซน 4.50% หรือสูงกว่านั้น อาจไม่ได้เห็นได้ง่ายนัก หากไม่มีความเสี่ยงเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ เข้ามากดดันตลาดบอนด์ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯต้องออกมาดีกว่าคาดชัดเจน)

ทางด้านตลาดค่าเงินนั้น เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง แม้ว่าจะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังผู้เล่นในตลาดทยอยขายบอนด์อังกฤษ จากความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลอังกฤษ ทว่า เงินดอลลาร์ยังคงถูกกดดันจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด ตามรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ล่าสุด ที่ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 96.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 96.7-97.1 จุด)

ส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง สู่โซน 3,350-3,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน อย่างยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนมิถุนายน ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ต่อด้วยรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ในเดือนมิถุนายน เช่นกัน ที่จะรับรู้ในช่วง 21.00 น. นอกจากนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด พร้อมติดตามแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับบรรดาประเทศคู่ค้า ว่าจะมีประเทศไหนบรรลุข้อตกลงการค้าเพิ่มเติมหรือไม่

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการของจีนในเดือนมิถุนายน ที่จะช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มภาคการบริการของจีน ในส่วนของบริษัทขนาดเล็ก-กลาง

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility แม้ว่าในช่วงระหว่างวัน เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ตามแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ทว่า ราคาทองคำก็ดูจะไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อ ทะลุโซนแนวต้านได้ชัดเจน และมีโอกาสย่อตัวลงบ้าง ทำให้เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ในกรณีที่ราคาทองคำย่อตัวลง (ทั้งนี้ เรามองว่า ราคาทองคำอาจไม่ได้ย่อตัวลงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯในคืนนี้)

ส่วนในช่วง 19.30 น. เป็นต้นไปนั้น เรามองว่า ควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยจากข้อมูลสถิติย้อนหลังในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา เราพบว่า เงินบาท (USDTHB) อาจมีการแกว่งตัวในระดับ +/-1 SD ราว +0.5%/-0.3% ซึ่งจะเห็นได้ว่า เงินบาทมักจะมีแนวโน้มผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้มากกว่าแข็งค่าขึ้น ในช่วงหลังรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯราว 30 นาที

โดยในการรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯวันนี้ ผู้เล่นในตลาดได้รับรู้ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ที่แย่กว่าคาดไปมากแล้ว และต่างเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปพอสมควร ทำให้เรามีความกังวลว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าได้มาก เช่น อาจถึงระดับ +2 SD หรือ เกือบ +1% หากรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ออกมาดีกว่าคาด หรือตามคาด (เพิ่มขึ้น +1.2 แสนราย) เนื่องจาก ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP หดตัวถึง 3.3 หมื่นราย แต่หากรายงานยอดการจ้างงานฯออกมาแย่กว่าคาด สอดคล้องกับ รายงานของ ADP ก่อนหน้า เรามองว่าเงินบาทก็มีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้น แต่ก็น่าจะไม่มากถึงระดับ -2 SD หรือการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจติดอยู่แถวโซนแนวรับ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ได้ ในกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ได้สำเร็จ

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์หน้าที่ ตลาดการเงินไทยอาจเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.60 บาทต่อดอลลาร์

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img