“พิชัย” เร่งหาทางออกเจรจาการค้าสหรัฐฯ เสนอเปิดทางนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม-ซื้อพลังงาน-เครื่องบินโบอิ้งเพิ่ม ลดการเกินดุลการค้า 46,000 ล้านดอลลาร์ของไทยกับสหรัฐลง 70% ภายใน 5 ปี
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ไทยจะเสนอรายละเอียดการเจรจาการค้าใหม่กับสหรัฐก่อนวันที่ 9 ก.ค.นี้ โดยข้อเสนอล่าสุดของไทย มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นปริมาณการค้าทวิภาคีและลดการเกินดุลการค้า 46,000 ล้านดอลลาร์ของไทยกับสหรัฐลง 70% ภายใน 5 ปี และจะถึงจุดสมดุลภายใน 7-8 ปี จากเดิม 10 ปี
ส่วนสินค้าของสหรัฐฯ ที่จะสามารถเข้าถึงตลาดของไทยได้มากขึ้นนั้นเป็นสินค้าที่ไทยผลิตได้เองไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดภายในประเทศ จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรหรือผู้ผลิตในท้องถิ่น โดยสิ่งที่ไทยนำเสนอให้สหรัฐฯ เป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน สหรัฐฯ สามารถค้าขายกับเราได้มากขึ้น และเราจะได้มีโอกาสปรับปรุงกระบวนการของเราและลดขั้นตอนที่ยุ่งยากลง
โดยไทยกำลังผลักดันให้สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 10% ซึ่งเป็นอัตราที่ดีที่สุด แม้จะถูกเก็บภาษีระดับ 10-20% ก็ถือว่ายอมรับได้ แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือถ้าไทยถูกเก็บภาษีมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ ซึ่งเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 20% และอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่ถือเป็นสินค้าต่างประเทศขนส่งผ่านเวียดนาม 40 % หากไทยไม่สามารถลดกำแพงภาษีศุลกากรลงได้ อาจส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจของไทยหายไปถึง 1%
นอกจากนี้ ไทยยังได้ปรับแผนการซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว และเครื่องบินโบอิ้ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดความไม่สมดุลทางการค้าได้อย่างมาก ขณะที่บริษัทปิโตรเคมีของไทย รวมถึงบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ต่างให้คำมั่นว่าจะนำเข้าเอทานอลจากสหรัฐฯ มากขึ้น โดยบริษัทพีทีที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าสามารถซื้อ LNG จากโครงการก๊าซในอลาสก้าได้ปีละ 2 ล้านตันในระยะเวลา 20 ปี ขณะที่บริษัทที่รัฐควบคุมกำลังพิจารณาผลประโยชน์ในการร่วมพัฒนาโครงการนี้ การบินไทย สายการบินแห่งชาติของไทย ระบุว่าอาจซื้อเครื่องบินโบอิ้งมากถึง 80 ลำในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า











