ไอเอ็มเอฟปรับขึ้นจีดีพีโลกขยายตัว 3% หลังสหรัฐฯ ทยอยปรับลดภาษีศุลกากรกับหลายประเทศ-นโยบายการเงินผ่อนคลาย พร้อมปรับขึ้นจีดีพีไทยโต 2%
รายงานข่าวจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แจ้งว่า ได้ออกรายงานอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดเดือน ก.ค.2568 (World Economic Outlook Update, July 2025) ปรับขึ้นคาดการณ์จีดีพีโลกในปีนี้เป็นขยายตัว 3% ดีขึ้นจากคาดการณ์เดิมในเดือนเม.ย. ซึ่งให้ไว้ที่ 2.8% และปรับขึ้นจีดีพีโลกปีหน้าเป็น 3.1% จากที่คาดไว้ 3.0% โดยเป็นผลจากปัจจัยการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมาตรการภาษีจะมีผลบังคับใช้ การทยอยปรับลดภาษีศุลกากรกับหลายประเทศของสหรัฐฯ สภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และการขยายตัวทางการคลังในเขตเศรษฐกิจหลักบางประเทศ
โดยรวมแล้ว IMF คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะปรับตัวลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐคาดว่าจะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย ส่วนความเสี่ยงด้านลบจากภาษีศุลกากรที่อาจสูงขึ้นนั้นทำให้เกิดความผันผวนไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีอยู่ ซึ่ง IMF มองว่าการฟื้นฟูความเชื่อมั่น ความสามารถในการคาดการณ์ และความยั่งยืน ยังคงเป็นนโยบายสำคัญลำดับต้นๆ
ในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น IMF ปรับขึ้นคาดการณ์จีดีพีปี 2568 นี้ เป็นขยายตัวได้ 2% หรือดีขึ้นเมื่อเทียบคาดการณ์เดือนเม.ย. ซึ่งให้ไว้ที่ 2.8% นอกจากนี้ยังปรับขึ้นคาดการณ์ของปีหน้าเป็นขยายตัว 1.7% จากเดิมให้ไว้ที่ 1.6%
โดยไอเอ็มเอฟเป็นองค์เศรษฐกิจระหว่างประเทศรายเดียวที่ให้คาดการณ์จีดีพีประเทศไทยปีนี้แตะระดับถึง 2% เมื่อเทียบกับธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งเพิ่งเปิดเผยรายงานในเดือนก.ค. นี้ และประเมินไว้ที่ 1.8% เท่ากัน
ส่วนรายประเทศนั้น แทบไม่มีประเทศใดเลยที่ถูกปรับลดคาดการณ์จีดีพีลง นอกจากเกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, รัสเซีย และญี่ปุ่นในปีหน้า ขณะที่ในรายภูมิภาคได้ปรับขึ้นคาดการณ์จีดีพีของกลุ่มประเทศอาเซียน-5% เป็น 4.1%
ซึ่งไอเอ็มเอ คาดการณ์ว่าอัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงในสหรัฐจะอยู่ที่ 17.3% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ 24.4% แต่ยังคงเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แนวโน้มนี้ยังได้รับแรงหนุนจากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้นำเข้าต่างเร่งซื้อสินค้าตุนก่อนที่ภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ และร่างกฎหมายการลดภาษีที่พรรครีพับลิกันลงมติเห็นชอบซึ่งอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้











