สรท.ห่วงส่งออกสหรัฐครึ่งปีหลังวูบ หลังยอดจองสายเรือเดือน ก.ค.ลดลง 30% แนะรัฐเร่งเจราปิดดีลต่ำกว่าเวียดนาม 2 % ชู 3 แนวทางทางให้ภาครัฐช่วยเหลือ
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกไทยในครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค.) อาจปรับตัวลดลงจากการปรับขึ้นภาษีทรัมป์ เห็นได้จากบุ๊กกิ้งสายเรือของผู้ส่งออกพบว่า เดือนก.ค. ลดลงไปถึง 30% จากในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ส่งออกไทยไปสหรัฐขยายตัวอย่างมาก สะท้อนว่าสินค้าที่สหรัฐเร่งนำเข้ามาสต๊อกมีปริมาณเพียงพอแล้ว
โดยผู้ส่งออกเองคาดหวังว่าทีมเจรจาด้านอัตราภาษีสหรัฐ ของทีมไทยแลนด์ จะสามารถสรุปข้อตกลงให้อัตราภาษีของไทยที่ไปสหรัฐนั้นต่ำกว่าเวียดนามอย่างน้อย 2% หรืออยู่ที่ 18% จากที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเวียดนาม 20% ซึ่งหากทำได้จะทำให้ผู้ส่งออกไทยมีเวลาปรับตัว
สำหรับมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก ซึ่งจากการหารือในสมาชิก ส่วนใหญ่ตั้งรับอัตราภาษีที่จะกระทบอยู่ที่ 36% แต่สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเพิ่มเติม ระหว่างการเดินหน้าเจรจาภาษี ผู้ส่งออกมองไว้ 3 แนวทางสำคัญ คือ
1.ค่าแรง ซึ่งนโยบายของรัฐบาลต้องการยกระดับค่าแรงขั้นต่ำ เรื่องนี้เห็นว่าต้องมีความระมัด ระวังให้มาก จากสภาวะปัจจุบัน ซึ่งต้องการให้รัฐบาลมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้มีความรอบคอบอีกครั้ง เพราะการปรับค่าแรง อาจจะเป็นต้นทุนสำคัญในการแข่งขันของผู้ส่งออกในตอนนี้
2.นโยบายด้านการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ต้องการให้มีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยให้มีความเหมาะสม ดูความจำเป็นและสถานการณ์ปัจจุบัน รวมไปถึงการทำงานร่วมกัยธนาคารพาณิชย์ เพราะอัตราดอกเบี้ยเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการทุกราย
3.การทำนิติกรรมอำพราง โดยเฉพาะผู้ประกอบการ นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทสไทย เรื่องนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างจริงจัง และบังคับใช้กฎหมายให้มีความเข้มงวดให้มากขึ้น ซึ่งต้องการให้ดูและติดตามการเข้ามาประกอบกิจการในไทยให้ใกล้ชิด ดำเนินการจริงหรือไม่ เพราะหากปล่อยปะละเลย ก้อาจจะสร้างความเสียให้กับประเทศ











