ครม.ศก. เคาะ มาตรการแก้หนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท จำนวน 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้รวมประมาณ 122,000 ล้านบาท นำร่องเฟสแรก 2.3 ล้านคน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการของมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อยที่มีวงเงินต่ำกว่า 100,000 บาทต่อราย โครงการนี้มุ่งเป้าแก้ไขหนี้เสีย (NPLs) ที่เป็นภาระหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน โดยครอบคลุมหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึง ณ วันที่ 30 กันยายน 2566
กลุ่มเป้าหมายหลักคือ ลูกหนี้ที่มีหนี้รวมกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย กลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้รวมประมาณ 122,000 ล้านบาท นายเอกนิติกล่าวว่า คนเหล่านี้มักมีภาระหนี้ที่หนักมาก ผ่อนชำระไม่ไหว และถูกทวงหนี้จากหลายสถาบันการเงิน โดยนำร่องเฟสแรก 2.3 ล้านคน
แนวทางการช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก
1.การแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้โดย AMC
- กลุ่มเป้าหมาย : ลูกหนี้ที่อยู่กับธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ลูกหนี้ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของ ธพ. และลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs)
- กลไก : หนี้จะได้รับการขายและโอนให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) หรือ บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC)
- เงื่อนไขผ่อนปรน: AMC จะนำหนี้มาปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการเสนอเงื่อนไขที่ผ่อนปรนและเหมาะสมกับความสามารถของลูกหนี้มากขึ้น เช่น การลดดอกเบี้ย, การไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม, หรือการจ่ายชำระเพียงบางส่วนเพื่อปิดบัญชี นายเอกนิติระบุว่า แนวทางนี้จะบริหารจัดการหนี้แบบรวมศูนย์
- การดำเนินการเฟสแรก: นายลวรณระบุว่า ในเฟสแรกจะแก้ปัญหาประมาณ 1.9 ล้านบัญชี โดยโอนเข้า SAM ประมาณ 1.6 ล้านบัญชี และบริษัทร่วมทุนระหว่าง BAM กับธนาคารออมสิน ประมาณ 300,000 บัญชี
2.การช่วยเหลือเพิ่มเติมโดย SFIs ดำเนินการเอง
- เหตุผล: ลูกหนี้ของ SFIs เป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของ ธพ.
- มาตรการเฉพาะ: SFIs จะมีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นการเฉพาะเพื่อให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้ มาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ การชำระบางส่วนเพื่อปิดบัญชี, การลดเงินต้น, การยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด รวมถึงการใช้มาตรการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าเกณฑ์ปกติของธนาคาร และการปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ขาดศักยภาพ
สำหรับงบประมาณในการดำเนินการ จะนำเงินคงเหลือจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ประมาณ 20,000 ล้านบาท มาซื้อหนี้ที่ค้างชำระ (NPL)
“การดำเนินการในสองส่วนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะทำให้ภาครัฐมีโครงการเพื่อช่วยลูกหนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และช่วยเหลือลูกหนี้ให้หลุดพ้นจากภาระหนี้ต่าง ๆ ได้โดยเร็ว ซึ่งในการดำเนินการทั้งสองส่วนนี้คาดว่ามีบัญชีลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือประมาณ 2.36 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท นายเอกนิติ กล่าว
นอกจากนี้ ในระยะต่อไปจะมีการพิจารณาขยายขอบเขตการช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-banks ตามหลักการเดียวกัน เพื่อให้นโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาทั้งหมด
นายลวรณ แสวงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแก้ไขหนี้จะทำอย่างผ่อนปรนมากๆ โดยย้ำว่าจะเป็น “มาตรการเพียงครั้งเดียว” เพื่อป้องกันการจงใจเป็นหนี้และป้องกันการเสียวินัยทางการเงินต่อไป
“เราจะทำการแก้ไขหนี้อย่าง ผ่อนปรนมากๆ โดยย้ำว่าจะเป็นมาตรการ ครั้งเดียว เพื่อป้องกันการจงใจเป็นหนี้และป้องกันการเสียวินัยทางการเงินต่อไปโดย หนี้ที่โอนเข้า AMC จะต้องเป็น NPL ที่เกิดขึ้นในอดีต คือก่อน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 “นายลวรณ กล่าว
นายวิไทย รัตนการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวย้ำว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ กลไกสำคัญในการฟื้นฟูศักยภาพของลูกหนี้คือ การให้ รหัสพิเศษ ในเครดิตบูโร ซึ่งคาดว่าจะเป็น รหัส 16 รหัสนี้สำคัญเนื่องจาก ไม่จำเป็นต้องรอให้มีประวัติการเงินที่ดีครบ 3 ปี เพื่อขอสินเชื่อใหม่
“ถ้าลูกหนี้สามารถผ่อนดี อาจจะเป็น 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ถ้าสถาบันการเงินเห็นว่าเขามีศักยภาพที่กลับมาได้จริง ๆ สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทันที ซึ่งถือเป็นการให้โอกาสลูกหนี้ให้กลับมาฟื้นตัวได้จริงและรวดเร็ว” นายวิทัย กล่าว
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ตั้งใจจะให้โอกาสกับลูกหนี้อย่างแท้จริง และมาตรการนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เน้นให้ความสำคัญกับโครงสร้างและให้ ลูกหนี้เป็นจุดศูนย์กลาง และดำเนินการบนหลักการเดียวกันคือ Level Play Field นอกจากนี้ การโอนหนี้เข้า AMC จะใช้ราคามาตรฐานที่ตกลงกันระหว่างธนาคารพาณิชย์ และจะมีโครงสร้างการแบ่งปันการเรียกเก็บเงิน (Revenue Sharing) ในอนาคต หากสามารถเรียกเก็บหนี้ได้











