นายกรัฐมนตรี เผยสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังวิกฤต ระดม ปภ.–ทหาร–กระทรวงต่าง ๆ ลงพื้นที่เต็มกำลัง พร้อมเสริมเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยผู้ติดอยู่ตามบ้าน ระบุโรงพยาบาลต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัย หากฝนไม่ตกเพิ่มคาดระบายน้ำใช้เวลาราวหนึ่งสัปดาห์กว่า
เมื่อเวลา 15.17 น. วันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยยืนยันว่ารัฐบาลกำลังระดมทรัพยากรจากทุกหน่วยงาน เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อขนส่งสิ่งของเข้าไปยังจุดที่ถนนถูกตัดขาด รวมถึงการลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรฯ ซึ่งรับหน้าที่ประธานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้เดินทางถึงพื้นที่แล้ว ขณะที่อธิบดี ปภ. เดินทางถึงในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาเครื่องปั่นไฟไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ทุกหน่วยงานมีแผนเผชิญเหตุรองรับอยู่แล้ว สิ่งสำคัญขณะนี้คือการเร่งดูแลประชาชนที่ยังอยู่ในบ้าน โดยสั่งการให้นายอำเภอเร่งนำประชาชนออกมาอยู่ในศูนย์พักพิง พร้อมจัดหาอาหาร สิ่งของจำเป็น และถุงยังชีพเข้าไปในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ส่วนกรอบเวลาคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วม นายอนุทินระบุว่า หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์กว่าในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ ขณะที่การลำเลียงประชาชนจากจุดเสี่ยงอาจต้องใช้ทั้งเรือและรถยกสูง เนื่องจากบางจุดน้ำเชี่ยวและมีความลึกมาก อย่างไรก็ดี ประชาชนส่วนใหญ่ได้ออกมาอยู่ในศูนย์พักพิงหรือบ้านญาติแล้ว
สำหรับข้อวิจารณ์เกี่ยวกับความโกลาหลในช่วงสองวันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้สถานการณ์น้ำยังไม่คลี่คลาย แต่การจัดหาอาหาร ยารักษาโรค และศูนย์พักพิงเริ่มเป็นระบบมากขึ้น พร้อมสั่งการให้จังหวัดที่ยังมีประชาชนติดอยู่ในบ้านชั้นสองเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเป็นการด่วน โดย ร.อ.ธรรมนัสได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์เพื่ออพยพหากจำเป็น แต่สภาพอากาศยังเป็นอุปสรรค
เมื่อถูกถามถึงกระแสดราม่าเรื่องการลงพื้นที่ผัดมาม่าแจกผู้ประสบภัย นายอนุทินกล่าวว่า เป็นความพยายามหาเรื่องของบางกลุ่ม พร้อมย้ำว่าตนลงพื้นที่กว่า 8–9 ชั่วโมง ขณะที่การผัดอาหารใช้เวลาเพียง 10 นาที ยืนยันว่าศูนย์ดูแลผู้ประสบภัยได้รับคำสั่งไปครบถ้วน และทุกหน่วยงานกำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน.



















