หน้าแรกNEWSครม. ดึงแบงก์รัฐ 7 แห่ง ปล่อยกู้เอสเอ็มอีภาคใต้กว่า 2.67 แสนล้านบาท

ครม. ดึงแบงก์รัฐ 7 แห่ง ปล่อยกู้เอสเอ็มอีภาคใต้กว่า 2.67 แสนล้านบาท

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เอกนิติ” เผยครม. ดึงแบงก์รัฐ7 แห่งปล่อยกู้เอสเอ็มอีภาคใต้กว่า 2.67 แสนล้านบาท ดันจีดีพีปี 2569 ขยายตัวเพิ่ม 0.36%พร้อมเร่งคืนภาษีให้เอสเอ็อีเกือบ 20,000 ราย จำนวนเงิน 60,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ มาตรการ “Quick Big Win” เพื่อช่วยเหลือ SMEs ไทย โดยใช้หลัก “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” หลัง ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบการช่วยเหลือชาวบ้านภาคใต้ไปแล้ว จึงต้องเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถฟื้นตัว และทำ ธุรกิจต่อไปได้ ทั้งในด้านการจ้างงาน การสร้างรายได้ การลงทุน รวมถึงการเป็นห่วงโซ่อุปทาน หลัง SMEs มากกว่าครึ่ง ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย

ด้วยการปล่อยสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อผ่านแบงก์รัฐ 7 แห่ง วงเงิน 267,000 ล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการสินเชื่อวงเงิน 217,000 ล้านบาท และค้ำประกันสินเชื่อวงเงิน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ค้ำประกันสินเชื่อ “SMEs Quick Big Win” วงเงิน 50,000 ล้านบาท โดยฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก แบ่งเป็น 3 โครงการย่อย ได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Go Big สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Smart Win สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) และ (3) โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick LG สำหรับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง หรือจัดซื้อหรือจัดจ้างของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2569 นอกจากนี้ ได้ขยายระยะเวลาโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 ที่ยังคงมีวงเงินเหลืออยู่ ซึ่งจะสิ้นสุดระยะเวลารับคำขอค้ำประกันสินเชื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2569

2) ธนาคารออมสิน ออกโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB พลิกฟื้นธุรกิจไทย วงเงินสินเชื่อ 100,000 ล้านบาท เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินและเสริมสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจ เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับแบงก์อื่น นำที่เข้าร่วมโครงการ นำไปปล่อยกู้ให้ SMEs เพื่อเสริมสภาพคล่อง ยื่นขอสินเชื่อได้จนถึง 30 กันยายน 2569 การช่วยเหลือผ่านโครงการสินเชื่อสร้างพลวัตใหม่ ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ โดยจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ ผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย โครงการสินเชื่อกรณีปรับตัวเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ (Transformation) และ สินเชื่อกรณีพัฒนาศักยภาพธุรกิจท่องเที่ยว ขอสินเชื่อได้จนถึง 31 มีนาคม 2570

3) ธ.ก.ส. ออกสินเชื่อสำหรับภาคการเกษตร วงเงิน 80,000 ล้านบาท ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคการเกษตร ผ่านสินเชื่อชุมชนสร้างไทย เฟส 3 วงเงิน 50,000 ล้านบาท และ สินเชื่อเพื่อ SME ไทยไชโย วงเงิน 30,000 ล้านบาท ขอสินเชื่อถึง 31 กรกฎาคม 2571

4) SME D Bank ช่วยเหลือผ่านสินเชื่อปลุกพลัง SME และสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ประกอบการ Micro SMEs วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท และผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป วงเงินรายละไม่เกิน 30 ล้านบาท โดยขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2569
5) EXIM BANK ช่วยเหลือผ่านการประกันการส่งออก เพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการส่งออกด้วยอัตราเบี้ยประกันพิเศษ และโครงการสินเชื่อ EXIM Expand Shield สำหรับสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนการส่งออก วงเงินสินเชื่อ 12,000 ล้านบาท 6) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ช่วยเหลือผู้ประกอบการมุสลิม วงเงิน 3,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ส่งเสริม ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าฮาลาลส่งออกหรือผู้ผลิตที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานผลิตภัณฑ์ฮาลาล

7) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หนุนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ วงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับการปลูกสร้าง ซื้อ ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง หรือต่อเติม ปรับปรุงซ่อมแซม และเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการบ้านจัดสรรในภูมิภาค สำหรับปลูกสร้างอาคารและสาธารณูปโภค

ทั้งนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยมาตรการด้านภาษี ประกอบด้วย 1. กรมสรรพากร ช่วยให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุน Supply Chain ได้รับการคืนภาษีอย่างรวดเร็ว คาด SMEs 1,500 ราย เข้าร่วมโครงการ และคาดว่าจะได้รับคืนภาษีเร็วขึ้น 1,700 ล้านบาทต่อปี และการคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลจากส่วนกลางแบบ Fast Track ทำให้ SMEs เกือบ 20,000 ราย จำนวน 60,000 ล้านบาท ให้ได้รับคืนภาษีเร็วขึ้นภายในสิ้นปี 2568

2. กรมศุลกากร ได้ยกเลิกการกำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการนำเข้าที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า (De Minimis Value : DMV) เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทยในประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs เสียภาษีถูกต้อง ให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้

กรมบัญชีกลาง ได้สนับสนุนคู่ค้าภาครัฐ โดยการให้สินเชื่อกับคู่ค้าภาครัฐผ่านระบบ PromptBiz บริการเชื่อมโยงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างจาก e-GP ผู้ประกอบการจะโอนสิทธิการรับเงินให้กับธนาคารหรือบุคคลที่ 3 ได้ ทำให้ SMEs และผู้ประกอบการคู่ค้าภาครัฐสามารถเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องได้ง่ายขึ้น และมีแนวทางการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการ SMEs สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยกำหนดให้มีการให้แต้มต่อทางด้านราคาเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อีกร้อยละ 5 สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีรายรับไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปีบัญชี และได้รับอนุมัติให้ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ จากระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงและแข่งขันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้

“กระทรวงการคลัง หวังให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ครอบคลุมในทุกมิติ สร้าง Ecosystem ใหม่ให้กับ SMEs ของไทย รวมถึงการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานทำให้เกิดการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ตอบโจทย์นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล และคาดว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ “กระตุ้นสั้น” จะสามารถช่วย SMEs เติมสภาพคล่อง เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ 270,000 ล้านบาท “ได้ผลยาว” จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในปี 2569 เพิ่มขึ้น 0.36% กระจายตัว จะสามารถช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 107,000 ราย”

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img