หน้าแรกNEWS“ฮุน มาเนต ซัดแรง! กองทัพไทยประกาศใช้กำลังแก้ปัญหาชายแดน ขัดสันติวิธี

“ฮุน มาเนต ซัดแรง! กองทัพไทยประกาศใช้กำลังแก้ปัญหาชายแดน ขัดสันติวิธี

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯ กัมพูชาออกแถลงการณ์เดือด หลังมีรายงานกองทัพภาคที่ 1 ของไทยประกาศใช้กำลังทหารในพื้นที่พิพาทชายแดน บันเตียเมียนเจย–สระแก้ว ชี้เป็นการกระทำที่สวนทางกับหลักสันติวิธีและข้อตกลงร่วมกว่า 20 ปีของ JBC พร้อมย้ำ กัมพูชาเคารพอธิปไตยเพื่อนบ้านเสมอ แต่จะไม่ยอมให้ใครละเมิดแผ่นดินโดยเด็ดขาด.

เมื่อเวลา 21.40 น.วันที่ 8 ธ.ค.68  ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โพสต์ข้อความระบุว่า

คำประกาศใช้กำลังของ ‘กองทัพภาคที่ 1’ ของไทย ขัดหลักสันติวิธีแก้ปัญหาชายแดน

ผู้นำไทยเคยประกาศมาโดยตลอดผ่านสื่อมวลชนและเวทีนานาชาติว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสันติภาพและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ได้เกิดความตื่นตระหนกและความประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อมีรายงานข่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ระบุว่า กองทัพภาคที่ 1 ของไทย ประกาศจะใช้กำลัง เพื่อทวงคืนสิ่งที่เรียกว่าอธิปไตยของไทย รวมถึงการยิงอาวุธปืนใหญ่และการเคลื่อนกำลังทหารเข้าไปในหมู่บ้านเปรยจัน หมู่บ้านโจกเจยและพื้นที่อื่นๆ หลายแห่งตามแนวชายแดนในจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา

หากประเทศไทยรักสันติภาพและหวงแหนผืนแผ่นดิน เช่นเดียวกับกัมพูชา รัฐบาลและกองทัพไทยควรยึดถือการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี โดยใช้กลไกที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน และกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ หากประเทศไทยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ก็ไม่ควรใช้กำลังทหารโจมตีหมู่บ้านของประชาชนพลเรือน ภายใต้ข้ออ้างในการทวงคืนอธิปไตยของตน

กัมพูชาย้ำว่า ได้ยึดมั่นหลักการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด แต่ก็จะไม่ยอมให้ประเทศใดละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งเป็นจุดยืนเดียวกับที่ผู้นำไทยเคยประกาศไว้

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองประเทศจึงได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา–ไทย (JBC) ซึ่งดำเนินงานมากว่า 20 ปี โดยอาศัยเอกสารทางกฎหมายที่สืบทอดมาจากสมัยอาณานิคมฝรั่งเศส โดยเฉพาะบันทึกทางการ (Procès Verbaux) ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน–สยาม ปี 1908–1909 และคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีน–สยาม ปี 1919–1920 เมื่อเร็วๆ นี้ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ JBC ทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ได้ตกลงส่งคณะสำรวจร่วมลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตและปักหลักเขตแดนชั่วคราว ในช่วงเสาหลักเขตแดนหมายเลข 42–47 ในจังหวัดบันเตียเมียนเจย และหมายเลข 52–59 ในจังหวัดบัตดัมบัง

การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยความร่วมมือที่ดีระหว่างคณะทำงานด้านเทคนิคของทั้งสองประเทศ โดยผลการดำเนินงานพบว่า การวัดแนวเขตและปักหลักเขตแดนชั่วคราวในช่วงเสาหลักหมายเลข 52–59 จังหวัดบัตดัมบัง ใกล้จะแล้วเสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ช่วงเสาหลักหมายเลข 42–47 ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับสนธิสัญญา อนุสัญญา ข้อตกลงต่างๆ รวมถึงเอกสารทางกฎหมายในอดีตที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกัน

ดังนั้น การที่กองทัพภาคที่ 1 ของไทยประกาศจะใช้กำลังทหารในการแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชา-ไทย บริเวณพื้นที่จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา และจังหวัดสระแก้วของไทย รวมถึงช่วงเสาหลักเขตแดนหมายเลข 42–47 จึงถูกมองว่า ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี ผ่านกระบวนการวัดแนวเขตและปักปันเขตแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศ

ฝ่ายกัมพูชาแสดงความหวังว่า ฝ่ายไทยซึ่งประกาศตนมาโดยตลอด ว่าเป็นประเทศที่รักสันติภาพและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ จะยังคงใช้หนทางสันติและชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินการวัดแนวเขตและปักปันเขตแดน เพื่อกำหนดอธิปไตยของแต่ละประเทศอย่างชัดเจน นี่เป็นวิธีที่ง่าย โปร่งใส และยุติธรรมที่สุด ทั้งยังย้ำว่า กัมพูชาไม่มีเจตนาจะละเมิดอธิปไตยโดยชอบด้วยกฎหมายของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ว่าผลการวัดแนวเขตจะออกมาเป็นเช่นไร กัมพูชาพร้อมเคารพผลดังกล่าว พร้อมคาดหวังให้ประเทศไทยมีความจริงใจในการยอมรับผลเช่นเดียวกัน

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img