ทัพเรือเผยภาพถ่ายทางอากาศชัด กองกำลังกัมพูชาตั้งฐานในเขตไทยแม้เคยถูกยุติไปแล้ว พร้อมเสริมกำลังหนักเข้าพื้นที่ย้ำไทยจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารตามหลักป้องกันตนเอง เพื่อคุ้มครองอธิปไตยและความปลอดภัยประชาชนชายแดนตราด
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. พลเรือตรีปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านบ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด หลังภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดชี้ให้เห็นว่ามีกำลังพลกัมพูชากลับเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการภายในเขตอธิปไตยของไทยอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้สิ่งปลูกสร้างถาวรและฐานที่มั่นจำนวน 3 หลังของฝ่ายกัมพูชาถูกฝ่ายไทยรื้อถอน พร้อมทั้งทหารกัมพูชาได้ถอนกำลังออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่ากำลังทหารกัมพูชามีการย้อนกลับเข้ามารุกล้ำอธิปไตยไทยอีกครั้ง พร้อมเสริมกำลังเพิ่มเติมในพื้นที่ ฝ่ายไทยจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนสากลอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การประสานแจ้งเตือนและเจรจาในทุกระดับ เพื่อให้ฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังออกโดยเร็ว
พล.ร.ต.ปารัช ระบุว่า แม้ฝ่ายไทยจะยึดหลักอดกลั้นและใช้การทูตด้านความมั่นคงตลอดมา แต่ทหารกัมพูชานอกจากไม่ถอนกำลัง ยังมีการเสริมยุทธกำลัง เช่น ชุดรบพิเศษ พลซุ่มยิง จรวดหลายลำกล้อง รวมถึงการปรับปรุงฐานที่มั่นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านยุทธวิธีที่กระทบอย่างรุนแรงต่ออธิปไตยของไทย เช่น การขุดคูเลต การติดตั้งอาวุธหนัก และการส่งอากาศยานไร้คนขับเข้าลาดตระเวนตามพื้นที่และที่ตั้งทางทหารของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทัพเรือเห็นว่าเป็นท่าทีคุกคามที่ชัดเจน
โฆษกกองทัพเรือกล่าวต่อว่า เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงและเพื่อคุ้มครองประชาชนในพื้นที่ กองทัพเรือและหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางทหารตามหลักการป้องกันตนเองสากล เพื่อขับไล่กำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากเขตแดนไทย โดยยังคงยึดมั่นหลักการใช้กำลังเท่าที่จำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดและป้องกันการลุกลาม
ทั้งนี้ กองทัพเรือยืนยันว่า ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของศูนย์บัญชาการทางทหาร โดยยึดถือผลประโยชน์แห่งชาติเป็นหลัก พร้อมย้ำว่าไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย หรือการกระทำใด ๆ ที่บั่นทอนความมั่นคงของประเทศโดยเด็ดขาด.



















