นายกฯ อนุทินชี้ภาพถูกจับขณะเปิดไลน์ในห้องประชุมเป็นเพียงการตรวจคลิปแถลงการณ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีผู้ส่งมาให้ ยืนยันไม่กระทบการประชุมและไม่มีประเด็นต้องกังวล
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมติดต่อผู้นำไทยและกัมพูชาเพื่อขอเจรจายับยั้งสงครามชายแดน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดประสานติดต่อมาอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่า หากมีการพูดคุยจะหารือกับนายทรัมป์โดยตรงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า การสนทนาทางโทรศัพท์ในระดับผู้นำจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า เพราะมีช่องทางติดต่อเฉพาะที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
เมื่อถูกถามต่อว่า หากสหรัฐฯ ติดต่อมาเพื่อขอให้ไทยกลับไปเจรจาบนโต๊ะ จะพร้อมดำเนินการหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรมาไทยก็ต้องรับสายและพูดคุย แต่ต้องอธิบายข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ เพราะอีกฝ่ายไม่อาจรับทราบรายละเอียดได้มากกว่าผู้นำไทยเอง
เมื่อถามย้ำว่า หากนายทรัมป์โทรศัพท์มา จะยังคงจุดยืนเดิมของไทย และไม่สามารถบอกให้ไทยหยุดปฏิบัติการได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองเรื่องเป็นคนละประเด็น พร้อมระบุว่าปัญหานี้เป็นเรื่องระหว่างคู่กรณีสองประเทศ แต่ยอมรับว่ามีผู้นำบางประเทศที่ปรารถนาดี อยากให้เกิดสันติภาพ ซึ่งไทยก็ต้องอธิบายเหตุผลและที่มาของสถานการณ์ให้เข้าใจ โดยหากมีการประชุมระดับผู้นำ จะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าและกำหนดประเด็นหารือให้ชัดเจน ทำให้ไทยยังมีเวลาเตรียมข้อมูล
นายอนุทินกล่าวว่า หากมีการสนทนาระดับผู้นำ จะต้องเชิญรมว.ต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และหากจำเป็นต้องเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมถึงรมว.กลาโหมเข้าร่วมด้วย
เมื่อถูกถามว่ามีผู้นำประเทศอื่น เช่น จีน ติดต่อมาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ยังไม่มีการติดต่อใด ๆ และทุกอย่างต้องผ่านช่องทางการทูต เมื่อมีความคืบหน้ากระทรวงการต่างประเทศจะรายงานให้ทราบ พร้อมระบุว่า การลงนามครั้งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน แต่เป็นความพยายามสร้างสันติภาพในภูมิภาค ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเงื่อนไขต้องปฏิบัติ และฝ่ายไทยได้ปฏิบัติครบถ้วน ไม่มีข้อใดผิดพลาด แม้แต่เรื่องการปล่อยตัวเฉลยศึกด้วย
เมื่อถูกถามว่า หากนายทรัมป์ขอให้ไทยกลับไปอยู่บนจุดเจรจาไทยจะยอมหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า “ไม่ ท่านต้องฟังคำอธิบายสถานการณ์จากผมก่อน”
เมื่อถามอีกว่า ช่วงนี้มีการมอบหมายให้ทหารตัดสินใจหลายเรื่องหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องการรบเป็นหน้าที่ของทหารโดยตรง และกรณีที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ระบุว่าตนโยนภาระทั้งหมดให้ทหารนั้นไม่เป็นความจริง แต่เป็นการมอบหมายงานตามหน้าที่ พร้อมย้ำว่าขณะนี้เป็นเวลาที่คนไทยต้องให้กำลังใจกัน
เมื่อถามเรื่องการเจรจาว่าต้องฟังทหารด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูตามสถานการณ์ เพราะขณะนี้การสู้รบมีความชัดเจนว่า กัมพูชาโจมตีไทยก่อน ทำร้ายทหารไทยก่อน และไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมไทย–กัมพูชา ส่วนสถานการณ์จะยุติเมื่อใด หรือจะยืดเยื้อจนกว่าจะชนะกันไปข้างหนึ่ง นายกฯ ระบุว่าไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถยุติความตึงเครียดภายในสองสัปดาห์นี้หรือไม่ นายอนุทินย้ำว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงเช่นกัน
ท้ายสุด เมื่อถามว่ายังมีทางออกสำหรับไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยยึดมั่นในการรักษาอธิปไตยและดินแดนของประเทศ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลในสถานการณ์นี้
