หน้าแรกHighlight‘สีหศักดิ์’แสดงความผิดหวัง‘ผู้นำสหรัฐฯ’ หลังอ้างทหารเหยียบระเบิดแค่‘อุบัติเหตุ’

‘สีหศักดิ์’แสดงความผิดหวัง‘ผู้นำสหรัฐฯ’ หลังอ้างทหารเหยียบระเบิดแค่‘อุบัติเหตุ’

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สีหศักดิ์’ ผิดหวัง ‘ผู้นำสหรัฐฯ’ พันธมิตรเก่าแก่ที่ไม่เข้าใจเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา หลังโพสต์ ทหารเหยียบกับระเบิดแค่อุบัติเหตุ ยินดีให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตาม ‘ฮุน มาเนต’ เรียกร้อง ชี้ เดินหน้าเจรจาการค้าต่อไป ไม่โยงเรื่องชายแดน เผย กัมพูชาขอเลื่อนการเปิดด่านให้คนไทยกลับประเทศวันนี้ออกไปอีก ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์

วันที่ 13 ธ.ค.68 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แถลงข่าวถึงกรณีที่นายโดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้มีการโพสต์ข้อความผ่าน Truth social ว่าในโพสต์ดังกล่าวมีหลายประเด็นที่เราอยากจะชี้แจงในวันนี้ ก่อนอื่นตนต้องขอขอบคุณนายโดนัลล์ ทรัมป์ ที่มีความห่วงใยกับสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา และมีความหวังดีที่อยากจะเห็นสันติภาพ แน่นอนว่าประเทศไทยก็อยากจะเห็นสันติภาพ แต่สันติภาพคงไม่ได้มาจากฝ่ายเดียว แต่ต้องมาจากทั้งสองฝ่าย และที่เป็นห่วงเนื่องจากมีหลายประเด็นที่อยู่ในการโพสต์ของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ทางฝ่ายไทยคิดว่าทางฝ่ายสหรัฐฯ ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง หรืออาจจะได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน หรือได้รับข้อมูลจากแหล่งที่จงใจทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน

ประเด็นแรก ที่ฝ่ายไทยรู้สึกไม่สบายใจ คือ การที่มีข้อความว่า “เหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอุบัติเหตุ” ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ ข้อเท็จจริงก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่ฝ่ายกัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่มากเกินกว่า 7 ครั้ง และทุ่นระเบิดใหม่ก็ได้รับการยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์ของอาเซียน ไม่ใช่เพียงฝ่ายไทยพูดฝ่ายเดียว นอกจากเหตุการณ์ทุ่นระเบิดแล้วในวันนี้ก็เกิดเหตุการณ์ที่มีการยิงจรวด BM-21 ไปยังพื้นที่พลเรือน ที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งก็แน่นอนแล้วว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความจงใจของฝ่ายกัมพูชา และในข้อความของประธานาธิบดียังพูดถึงการโต้ตอบของฝ่ายไทยว่าความรุนแรง โดยตนอยากชี้แจงว่าการโต้ตอบของฝ่ายไทยกับการปฎิบัติทางทหารต่อฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้โต้ตอบเกินกว่าเหตุ ทั้งหมดนี้ประเทศไทยเป็นมิตรประเทศกับสหรัฐ

“เรารู้สึกผิดหวังที่ข้อความดังกล่าวนั้นกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยและประเทศไทย ในฐานะที่เรามีความภูมิใจที่เราเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคนี้ ส่วนนี้เราก็รู้สึกผิดหวัง เพราะไทยกับสหรัฐอเมริกาความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรระหว่างกัน เรียกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาเยอะ เราได้ต่อสู้เพื่อเผชิญกับความท้าทาย สร้างความมั่นคงร่วมกันมาในอดีต และเรายังถือว่าประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกายังมีความสัมพันธ์บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านความมั่นคงอยู่ และจะยังคงมีอีกต่อไป”นายสีหศักดิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขอให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ปะทะ โดยวิธีทางดาวเทียมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประเทศไทยไม่มีปัญหา และขอให้ตรวจสอบเรื่องของทุ่นระเบิดด้วย เพราะเราพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งตนเคยเรียกร้องให้มีคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นหากเราตรวจสอบไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ขอให้ให้ตรวจสอบทั้งในเรื่องของเหตุการณ์การปะทะ และเรื่องของการใช้ทุ่นระเบิด

อีกประเด็น ที่ตนอยากชี้แจง คือในขณะนี้ภัยคุกคามตามแนวชายแดนไม่ได้มาจากการปฏิบัติการทางฝ่ายทหารของกัมพูชาอย่างเดียว แต่มาในรูปแบบของสแกมเมอร์ด้วย ซึ่งมีคนที่ได้รับผลกระทบมากมาย ทั้งในเรื่องของการค้ามนุษย์ และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาค เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทุกประเทศที่อยู่ในประชาคมโลกร่วมกันที่จะปราบปราม และไทยก็ดำเนินการในส่วนของไทยอย่างเต็มที่ โดยในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 เราจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการปราบปรามออนไลน์สแกมทั้งหลาย

นายสีหศักดิ์ ยังกล่าวว่า แต่สิ่งหนึ่งที่อยากขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐ คือเรื่องการเจรจาการค้า ซึ่งก็บอกว่าการเจรจาในระดับผู้ปฏิบัติก็จะให้ดำเนินต่อไป เพราะท่าทีของเราตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องการค้าก็เป็นการค้า เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาก็ไม่ควรนำมาโยงกับเรื่องการเจรจาการค้า

นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่มีความห่วงใยมากๆ คือ มีคนไทยที่ติดอยู่ที่ด่านปอยเปต และอยากกลับเข้ามาฝั่งไทย ด้วยความไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนของไทยเราให้ชาวกัมพูชาที่อยากกลับไปเดินทางกลับไปหมดแล้ว ซึ่งเราไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ปัญหาคือกัมพูชาไม่ยอมให้คนไทยกลับมา ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งที่ประสบอยู่ขณะนี้ แต่เป็นเรื่องมนุษยธรรม และที่น่าเสียใจคือเดิมทีเราคุยกันแล้วว่าการเปิดด่านในช่วงบ่ายวันนี้ ( 13 ธ.ค.) ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึง 16.00 น. ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา แต่ฝ่ายกัมพูชากลับขอเลื่อนไปก่อน และในโพสต์ของทางนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการกล่าวว่า ระงับการเดินทางทั้งหมดในการข้ามเขตแดน ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนในแง่ที่ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยธรรมภายใต้กติการะหว่างประเทศทั้งหลาย โดยเฉพาะกติกากฎหมายสิทธิมนุษยชน กฎหมายหลักสิทธิมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีที่ทางประธานาธิบดีสหรัฐได้พูดถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ แต่เลือกที่จะใช้คำพูดไม่เห็นคุณค่า ทางฝ่ายไทยยังมองว่าสหรัฐพูดแบบนี้ถือว่ายังมีเจตนาที่ดีและเป็นบทบาทที่สร้างสรรค์เรื่องนี้หรือไม่ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เกิดจากการที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งใจที่จะวางทุ่นระเบิดใหม่ ตรงนี้ในเรื่องของทุ่นระเบิดใหม่ก็มีการยืนยันไปแล้ว เมื่อครั้งไปประชุมภาคีอนุสัญญาออตตาวา ตนก็ได้ชี้แจงเรื่องนี้ไป และเราก็มีหลักฐานต่างๆ ตนคิดว่าข้อความส่วนนี้หรือความเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐที่ใช้ถ้อยคำว่าเป็นอุบัติเหตุนั้น ก็มีผลกระทบต่อความรู้สึกคนไทย ประเทศไทย และย้ำว่าเราเองก็ถือว่าเป็นมิตรกับสหรัฐที่สุดเก่าแก่ในภูมิภาค เคียงข้างผ่านร้อนผ่านหนาวกันมามาก เรายังถือว่าเราเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐและมีผลประโยชน์ร่วมกันในด้านความมั่นคง และยังอยู่ต่อไป

เมื่อถามว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐระบุถึงช่วงเวลาการหยุดยิง นั่นหมายความว่าเขาคิดไปเองหรือเป็นการมัดมือชกไปเองหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การหยุดยิงนั้นต้องถามฝ่ายกัมพูชาว่าเขาพร้อมจะหยุดยิงเมื่อไหร่ ซึ่งอยู่ดีๆ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความปรารถนา แต่ต้องเกิดขึ้นจากความพร้อมของทุกฝ่าย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั่นคือความพร้อมที่จะหยุดจริงหรือไม่ ฉะนั้นหากในบริบทแบบนี้การหยุดยิงมันไม่มีความหมาย เราจะพูดเรื่องการหยุดยิงได้อย่างไรในเมื่อฝ่ายกัมพูชาก็ยังไม่หยุดยิง และก็เป็นเรื่องเดิมๆ

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คือวิธีการที่พูดอย่างทำอย่าง และเบี่ยงเบนจากประเด็นปัญหาแท้จริง สร้างสถานการณ์ สร้างเรื่องราว เพื่อสร้างความได้เปรียบในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยเรามีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงตอบโต้ เพราะไม่ใช่เป็นการต่อสู้ในพื้นที่ชายแดนเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศด้วย” นายสีหศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่ทาง นายฮุน เซน ปิดด่านถือเป็นการเอาคนไทยเป็นตัวประกัน เป็นการละเมิดสัญญาหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้หากเป็นพลเรือน ไม่ได้เป็นทหาร พลเรือนก็ควรจะได้รับการคุ้มครองภายใต้กติการะหว่างประเทศ ซึ่งมีอยู่หลายฉบับ และเป็นประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้นกฎหมายหลักก็คือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้นเราถือว่าเรื่องนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิมนุษยธรรม

เมื่อถามย้ำว่าถือเป็นอาชญากรสงครามหรือไม่ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า เรามองในเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนและให้ประชาชนได้กลับมา และเราไม่ได้กีดขวางประชาชนชาวกัมพูชาที่อยากจะกลับไปฝั่งกัมพูชาเลย

สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าในการหารือทางโทรศัพท์ไม่มีการพูดเรื่องข้อตกลงหยุดยิง และการกลับไปสู่ปฏิญญาสันติภาพ ในเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์อะไรที่ทางประธานาธิบดีสหรัฐโพสต์ และในส่วนของไทยจะต้องมีการติดต่อเพื่อหารือทางโทรศัพท์อีกครั้งหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า คงเป็นความคาดหวังของประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อได้ทุ่มเทกับข้อตกลงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทางประธานาธิบดีสหรัฐก็คงอยากเห็นการหยุดยิง แต่ตอนนี้การหยุดยิงก็ต้องมาจากความพร้อมทั้งสองฝ่าย และในการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานาธิบดีสหรัฐยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องการหยุดยิง แต่ในการพูดคุยกันระหว่างตนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐก็บอกว่าในเรื่องการหยุดยิงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยทันที ฝ่ายทหารก็ต้องมีการประเมินสถานการณ์และต้องมีการพูดคุยกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย การหยุดยิงโดยที่ไม่มีใครพร้อมก็เป็นการหยุดยิงที่ไม่ยั่งยืน เพราะฉะนั้นในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับโดนัลล์ ทรัมป์ ไม่ได้พูดถึงการหยุดยิง และประธานาธิบดีสหรัฐคงมีความคาดหวังที่อยากให้มีการหยุดยิง แต่ประเด็นคือการหยุดยิงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความพร้อม การหยุดยิงที่ยั่งยืนยังมีรายละเอียดอีกเยอะที่ต้องคุยกัน รวมถึงฝ่ายทหารด้วย

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img