หน้าแรกHighlight‘ธนาธร’เชื่อหาก‘พิธา’เป็นนายกฯในวันนั้น ‘สถานการณ์ชายแดน’จะไม่เดินมาถึงจุดนี้

‘ธนาธร’เชื่อหาก‘พิธา’เป็นนายกฯในวันนั้น ‘สถานการณ์ชายแดน’จะไม่เดินมาถึงจุดนี้

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ธนาธร‘ เชื่อหาก ‘พิธา‘ เป็นนายกฯ วันนั้นสถานการณ์ชายแดนจะไม่มาถึงจุดนี้ ชี้ บทเรียนสำคัญเลือกตั้งหน้า ‘พรรคประชาชน’ ต้องได้ 250 เสียง ลั่น ทำไม่เป็น เล่นการเมืองแบบหักหลัง เชื่อ ไม่ทำให้ถึงเส้นชัย

วันที่ 13 ธ.ค.68 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในกิจกรรม “ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจขอไปต่อด้วยกัน” ณ สนามหญ้า มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร โดยตอบคำถามถึงปัญหาสันติภาพว่า ตนเองเห็นด้วยว่า ที่ผ่านมาเราทำไม่ดีพอที่จะหยุดยั้งสถานการณ์ไม่ให้มาถึงจุดนี้ เชื่อว่า ในที่นี้ ไม่มีใครกระหายเลือด กระหายสงคราม พวกเราต้องการสันติภาพ ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า หากวันนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์จะไม่มาถึงจุดนี้เด็ดขาด เชื่อว่า หากพวกเราเป็นรัฐบาลตั้งแต่วันนั้น เครื่องมือต่างๆ จะถูกนำมาใช้ยับยั้งสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือทางการค้า เครื่องมือทางการทูต เครื่องมือเครื่องมือการต่างประเทศ จะถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และสถานการณ์จะไม่มาสู่จุดนี้ที่ประชาชนต้องเดือดร้อนขนาดนี้

ส่วนการฉีกสัญญา MOA นายธนาธร กล่าวว่า วันนั้นเราเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราตั้งโจทย์ทิ้งไว้ตั้งแต่กลางปีคือ เงื่อนไข MOA เมื่อสถานการณ์มาถึง เราจำเป็นจะต้องตัดสินใจ เราตัดสินใจเสี่ยง เราทำอย่างเปิดเผย ข้อเสนอเราเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่เราทำไม่สำเร็จ เราล้มเหลว เราคิดว่าเป็นสปิริต และที่ชอบมาก ไม่เคยมีเวทีไหนที่ผู้นำของพวกเราทั้ง 4 คน จะมาอยู่ด้วยกัน เป็นเวทีแรกเพื่อมาบอกว่า ถ้าเราทำเราพลาดไปแล้ว ไม่ขอโทษอิดๆ ออดๆ แต่ขอโทษอย่างยืดอกตรงไปตรงมา เหมือนตอนที่เราทำ MOA

”นี่คือสปิริตของทุกคน เรามาบอกประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ที่เราทำ เราทำอย่างสง่าผ่าเผย วันที่เราทำไม่สำเร็จ เราก็มาบอกกับประชาชนอย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีอะไรต้องแอบ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การที่เรามายืนต่อหน้าพวกท่านเพื่อแสดงความรับผิดชอบ พวกท่านจะไม่ทอดทิ้ง ไม่หยุดสนับสนุนพวกเรา“

นายธนาธร กล่าวว่า บทเรียนที่ผ่านมา หากบอกว่าเราต้องทำการเมืองแบบอื่น ทำให้เราเดินไปไหนพื้นดินเป็นทางเพราะเขี้ยวลากดิน ถ้าทำให้เราต้องหักหลังเป็น หลอกลวงเป็น กลับกลอกเป็นมีกลเกม มีดีลแบบลับๆ เปิดเผยกับประชาชนไม่ได้ บทเรียนบอกให้เราทำแบบนั้น ตนเองไม่ทำ ตนเองทำไม่เป็น หากต้องการเมืองแบบนั้นไม่ทำดีกว่า

”ไม่เชื่อว่าการทำงานการเมืองแบบนั้นจะทำให้เราถึงเส้นชัย เพราะเราไม่มีอำนาจอื่นที่จะไปบังคับผลการเจรจา อำนาจเดียวที่เรามีในการบังคับผลการเจรจาหรือบังคับข้อตกลงคือ ประชาชน หากทำการเมืองแบบอื่น เราจะสูญเสียพวกคุณ ซึ่งท้ายที่สุดเราจะไม่มีอะไรเลย“

นายธนาธรกล่าวว่า บทเรียนที่สำคัญคือ เราไม่มีทางเลือกอื่น เราจะต้องเป็นพรรคเดียว 250 เสียงเท่านั้น ส่วนก้าวต่อไปของการแก้รัฐธรรมนูญ และ Grand Compromise ปี 2548 เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมือง รอบนี้นำไปสู่การยุบสภาในเดือนกันยายน 2549 โดย 20 ปีที่ผ่านมา เรามี 10 นายกรัฐมนตรี , 2 การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี 2562 และ 2566 ผลการจัดตั้งรัฐบาลไม่สอดคล้องกับการลงคะแนนเสียงของประชาชน เรามีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 3 ฉบับ คนที่เกิดในปี 2548 เรายังไม่เคยสัมผัสการเมืองที่ปกติ ไม่เคยได้สัมผัสการเมืองประชาธิปไตย 20 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยยังหาคำตอบไม่ได้ว่า จุดสมดุลระหว่างอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งกับอำนาจที่มาจากจารีตจะอยู่ร่วมกันอย่างไร

Grand Compromise จึงหมายความว่า จะหาทางออกให้กลับไปสู่การเมืองปกติไปข้างหน้า แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และสันติภาพให้กับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างไร ดังนั้นจะต้องหาจุดร่วมให้ทุกฝ่ายไม่มีใครได้หมด แต่มีกติกาในการอยู่ร่วมกันในสังคมชุดหนึ่ง ที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้

นายธนาธร ยอมรับว่าบทเรียนครั้งนี้ไม่ง่ายเลย มันยากมาก บทเรียนบอกเราว่า มีแต่การทำให้ทั้งสองอำนาจเสมอกันเท่านั้น ถึงจะนำไปสู่ Grand Compromise ได้ ต้องทำให้อำนาจจากการเลือกตั้งและอำนาจจากจารีตใกล้เคียงกันมากที่สุด

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img