เลขาฯ สมช. แถลงผลประชุม มอบ ศรชล. เป็นหน่วยหลักบูรณาการตรวจเรือไทย สกัดการลำเลียงยุทธปัจจัยเอื้อต่อการทำสงคราม ด้านปลัดพลังงานยืนยัน ไม่มีการส่งออกน้ำมันจากไทยไปกัมพูชา ช่องเม็กส่งเฉพาะ สปป.ลาว พร้อมหารือกลไกสร้างความมั่นใจสังคม
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถึงมาตรการสกัดกั้นการลำเลียงน้ำมันและยุทธปัจจัยทางทะเล ว่า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักในการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยจะเริ่มตั้งแต่การแจ้งเตือนเรือไทยที่มีแผนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงให้รับทราบสถานการณ์ ตลอดจนประสานกับกรมเจ้าท่าในการตรวจสอบเรือไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะเรือที่มีการขนส่งสินค้าที่อาจเอื้อต่อการทำสงครามในประเทศกัมพูชา ทั้งนี้จะมีการตรวจสอบปลายทางสินค้าอย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมให้การเดินเรือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สำหรับสินค้ายุทธภัณฑ์และยุทธปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงนั้น ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมเป็นผู้กำหนดประเภทสินค้าที่ต้องควบคุมการส่งออกไปยังกัมพูชา โดยยึดถือตามพระราชกำหนดควบคุมสินค้าชายแดน พ.ศ.2524
ด้าน นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีการส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางทะเล
ส่วนกรณีด่านช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการส่งน้ำมันจากไทยไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เท่านั้น โดยปริมาณน้ำมันโดยรวมอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้เพิ่มขึ้น เพียงแต่ปริมาณการขนส่งในแต่ละวันอาจแตกต่างกัน เฉลี่ยวันละประมาณ 20 คัน บางวันอาจลดเหลือ 5 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 50 คัน
นายประเสริฐ ระบุว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึงเมษายน 2569 เป็นช่วงฤดูแล้ง ทำให้ สปป.ลาว มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นปกติในทุกปี เพื่อใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและการก่อสร้าง ซึ่งแตกต่างจากช่วงฤดูฝนที่กิจกรรมดังกล่าวลดลง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า น้ำมันที่ส่งออกจากไทยไปยัง สปป.ลาว ใช้ภายในประเทศลาวเท่านั้น ไม่ได้ส่งต่อไปยังกัมพูชา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันระหว่าง สมช. กระทรวงพลังงาน กรมศุลกากร และหน่วยงานของ สปป.ลาว เพื่อกำหนดกลไกที่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนไทย
ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว ได้ทำหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการมายังกระทรวงพลังงานของไทย ว่าน้ำมันที่นำเข้าจากไทยใช้ภายในประเทศลาวเท่านั้น และในช่วงบ่ายวันเดียวกันจะมีการหารือเพิ่มเติมเพื่อกำหนดแนวทางการรับรองที่ชัดเจน
ขณะเดียวกัน นายประเสริฐ ระบุว่า ปัจจุบันกัมพูชาหันไปซื้อน้ำมันจากประเทศอื่น อาทิ เวียดนาม จีน และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลไกทางการค้าปกติ ส่วนการส่งน้ำมันจากไทยไป สปป.ลาว ในทุกช่องทางนั้น มีปริมาณดีเซลประมาณ 100 ล้านลิตรต่อเดือน และเบนซินกว่า 20 ล้านลิตรต่อเดือน
