พรรคเพื่อไทยจัดใหญ่เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน ภายใต้แคมเปญ “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้” ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ชูนโยบายเร่งด่วนแก้ปัญหาปากท้อง ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และพาประเทศพ้นวิกฤตรอบด้าน
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรม “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้” เพื่อเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ขึ้นเวทีเปิดตัวในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนแรกของพรรค กล่าวว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา พรรคได้ยกเครื่องการทำงานอย่างเป็นระบบ ทั้งการสื่อสารเชิงรุก การทำงานในสภาฯ ที่เข้มแข็ง และการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่รับฟังเสียงประชาชนและนักวิชาการ ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยทอดทิ้งประชาชนตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
นายจุลพันธ์ ระบุว่า พรรคพร้อมยกระดับภารกิจจากการยกเครื่องพรรค สู่การยกเครื่องประเทศไทย โดยเสนอ 2 นโยบายเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทันที ได้แก่ “หวยเกษียณ” เพื่อเปลี่ยนการเสี่ยงโชคเป็นหลักประกันระยะยาว และ “การล้างหนี้ประชาชน” ครอบคลุมหนี้นอกระบบ หนี้เสีย NPL เกษตรกร ผู้สูงอายุ และลูกหนี้ดี เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พร้อมย้ำแนวคิด “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” คือหัวใจของประชาธิปไตย
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอด 25 ปีในเส้นทางการเมือง มีจุดแข็งด้านการผลักดันนโยบายให้สำเร็จตามกรอบเวลา พร้อมยกผลงานสำคัญ อาทิ การแปรรูป ปตท. และเอโอที รวมถึงการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จตามแผน ย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล จะเร่งพัฒนาโครงสร้างคมนาคมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการเดินทางของภูมิภาค
นายสุริยะ ยังประกาศนโยบายสำคัญที่พร้อมเดินหน้าทันที ได้แก่ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ภายใน 3 เดือนหลังจัดตั้งรัฐบาล รถเมล์แอร์ 10 บาท และโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยในราคาที่จ่ายไหว
ขณะที่นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกราย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญ “พายุสมบูรณ์แบบ” ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ และเทคโนโลยี ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีศักยภาพและประสบการณ์ในการพาประเทศก้าวข้ามวิกฤติ พร้อมเสนอทิศทางการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ AI ควบคู่การสร้างความมั่นคง ฟื้นฟูหลักนิติธรรม และวางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ เพื่อยกระดับไทยสู่ประเทศรายได้สูง
นายยศชนัน ย้ำว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เพียงภารกิจของพรรคการเมือง แต่เป็นการรวมพลังของคนทุกเจเนอเรชัน เพื่อร่วมกัน “ยกเครื่องประเทศไทย” ให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
