จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเชื้อร้ายแอบโตในร่างกายโดยไม่มีอาการ? หมอเจดเปิดโพสต์เตือนภัยผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ ชี้พิกัดความเสี่ยงที่อยู่รอบตัวคุณทุกวัน พร้อมแนะ “ชุดตรวจเองที่บ้าน” ทางรอดใหม่ของคนเขินหมอ ใครไม่อยากพลาดโอกาสรักษาในระยะแรก รีบดูคำแนะนำด่วน!
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “หมอเจด” ระบุว่า มะเร็ง ไม่ใช่โรคไกลตัว และไม่ได้เกิดเฉพาะคนมีอายุมาก ผู้หญิงวัยทำงานจำนวนไม่น้อยตรวจพบในระยะที่ลุกลาม เพราะไม่มีอาการชัดเจนตั้งแต่แรก
สิ่งที่น่ากลัวคือ พฤติกรรมบางอย่างที่ทำเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว กำลังเพิ่มความเสี่ยงให้เซลล์ มะเร็งปากมดลูก เปลี่ยนแปลงช้าๆ แบบเงียบๆ หากรู้ทันและปรับได้เร็ว จะลดความเสี่ยงได้มาก
1.มีคู่นอนหลายคน
ขอออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคลนะครับ ไม่ได้ตัดสินใคร แต่ในแง่การแพทย์ การมีคู่นอนหลายคนจะเพิ่มโอกาสสัมผัสเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกโดยตรง แม้จะใช้ถุงยางก็ไม่สามารถป้องกันเชื้อ HPV ได้ 100% เพราะเชื้อสามารถติดต่อผ่านผิวหนังบริเวณใกล้เคียงได้ ดังนั้นยิ่งลดความเสี่ยงได้ ก็ยิ่งดีต่อตัวเราเองครับ
2.เข้าห้องน้ำสาธารณะ ก็มีโอกาสเสี่ยงเหมือนกัน
หลายคนไม่รู้ว่าเชื้อ HPV สามารถอยู่บนพื้นผิวที่อับชื้นได้ช่วงหนึ่ง เช่น โถส้วม ฝารองนั่ง ลูกบิด หรือพื้นห้องน้ำ หากมีแผลเล็ก ๆ บริเวณอวัยวะเพศ หรือมีการสัมผัสแล้วเอามือไปจับบริเวณนั้นต่อ ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ แม้ความเสี่ยงจะน้อยกว่าการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่ศูนย์ โดยเฉพาะในคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ จึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งโถส้วมโดยตรง ล้างมือให้สะอาด และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นครับ
3.ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี
คนที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ที่กินยากดภูมิ หรือผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปมาก เพราะถ้าติดเชื้อ HPV แล้ว ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อออกไปเองได้ เชื้อจึงอยู่ในร่างกายนาน และเพิ่มโอกาสกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะยาว กลุ่มนี้ควรตรวจคัดกรองสม่ำเสมอเป็นพิเศษครับ
4.ไม่ฉีดวัคซีน และไม่ตรวจ HPV
ถ้าพูดถึงการป้องกันที่ได้ผลที่สุด คือ การฉีดวัคซีน HPV ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้ถึงประมาณ 95% ปัจจุบันยังมีชุดตรวจ HPV ที่สามารถตรวจเองได้ที่บ้าน สะดวกมาก ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว แนะนำให้ตรวจภายใน 3 ปีหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก หรือเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ควรตรวจซ้ำทุก 3 ปี การรู้เร็ว ป้องกันได้ก่อน คือดีที่สุดครับ
ตรวจเช็กมะเร็งปากมดลูกยังไงได้บ้าง?
การตรวจคัดกรองที่สำคัญ ได้แก่ Pap smear ซึ่งช่วยหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก และ HPV test ที่ตรวจหาเชื้อไวรัสต้นเหตุ ปัจจุบันสามารถตรวจได้แม้ไม่มีอาการ แนะนำให้ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ตรวจตามคำแนะนำแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามครับ
ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้ แค่ทำตามนี้
• เริ่มจากมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางทุกครั้ง
• เลิกสูบบุหรี่ นอนให้พอ ลดความเครียด
• และตรวจคัดกรองตามกำหนด หากยังไม่เคยฉีดวัคซีน HPV สามารถปรึกษาแพทย์ได้ แม้จะมีเพศสัมพันธ์แล้ว การดูแลตัวเองสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงได้จริง...



















