หน้าแรกHighlightการเมืองแบ่งขั้ว-ส้มยึดตัวเองศูนย์กลาง ‘ชูวิทย์’ชี้เสี่ยงโดดเดี่ยวในสนามเลือกตั้ง

การเมืองแบ่งขั้ว-ส้มยึดตัวเองศูนย์กลาง ‘ชูวิทย์’ชี้เสี่ยงโดดเดี่ยวในสนามเลือกตั้ง

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” โพสต์ข้อความวิจารณ์แนวคิดทางการเมืองของพรรคส้ม เปรียบเป็น “พรรคเทพ” ผลักฝ่ายเห็นต่างเป็น “พรรคมาร” ระบุการเมืองต้องอาศัยการประนีประนอมและการถ่วงดุลอำนาจ ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อหรือปฏิบัติตามแนวทางเดียว

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.68 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุถึงภาพการเมืองในลักษณะ “ส้ม (พรรคเทพ) VS น้ำเงิน (พรรคมาร)”

นายชูวิทย์ ระบุว่า พรรคส้มได้กำหนดแนวทางทางการเมืองอย่างหนักแน่น บังคับทิศทางให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ พร้อมประกาศล่วงหน้าว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคน้ำเงิน รวมถึงพรรคสีเทา โดยย้ำว่าพรรคใดที่ต้องการร่วมรัฐบาลกับพรรคส้ม จะต้องรับเงื่อนไขทุกข้อของพรรคส้มเท่านั้น หากทำงานร่วมกันแล้วไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ก็จะขอไม่ร่วมงานด้วย

ทั้งนี้ นายชูวิทย์เห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องของการประนีประนอม ไม่ใช่การยึดถือเอาตัวเองเป็นหลัก ความหลากหลายคือสิ่งสวยงามของประชาธิปไตย และไม่สามารถบังคับให้ผู้อื่นเชื่อในสิ่งเดียวกับตนเองได้ อีกทั้งสิ่งที่พรรคส้มเชื่อ หลายครั้งก็สะท้อนถึงความผิดพลาดด้วยซ้ำ

นายชูวิทย์ ยังระบุว่า ไม่ควรหลงตัวเองว่าเป็น “พรรคเทพ” และผลักไสผู้เห็นต่างให้เป็น “พรรคมาร” โดยชี้ว่า “ความเชื่อมั่น” เป็นสิ่งที่ดี แต่หากมากเกินไปจะกลายเป็น “การหลงตัวเอง” พร้อมย้ำว่าการแบ่งขั้วลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต เพื่อสร้างภาพว่าตนเองบริสุทธิ์ ไม่ข้องเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้าม

อดีตนักการเมืองรายนี้ ระบุอีกว่า น่าแปลกใจที่การเมืองยุคปัจจุบัน ซึ่งอ้างว่าเป็น “การเมืองใหม่” กลับมีลักษณะย้อนยุค ตั้งตัวเป็นคนรุ่นใหม่ที่บริสุทธิ์ ซื่อๆ ตรงๆ ไม่มีใต้ดิน ไม่เอาคือไม่เอา หากจะเอาต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เพียงอย่างเดียว ราวกับอยู่ใน “ยุคพระศรีอริยฯ”

นายชูวิทย์เห็นว่า แนวคิดที่ยึดมั่นถือมั่นในแนวทางของตนเองโดยไม่ประนีประนอม กลับส่งผลให้พรรคส้มโดดเดี่ยวมากขึ้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การเมืองคือการบาลานซ์อำนาจ ไม่ใช่การบังคับให้ผู้อื่นเชื่อหรือปฏิบัติตามเพียงฝ่ายเดียว และอาจเรียกแนวคิดเช่นนี้ได้ว่าเป็น “เผด็จการรุ่นใหม่”

นายชูวิทย์ยังตั้งคำถามว่า หากพรรคส้มไม่เปิดพื้นที่ให้กับผู้เห็นต่าง แล้วจะเหลือใครให้ร่วมงาน ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุน หรือกลุ่มอำนาจต่างๆ พร้อมระบุว่า พรรคส้มเองก็ไม่ได้แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่มี “นายทุนพรรค” และการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ยังขึ้นอยู่กับแกนนำพรรคเพียงไม่กี่คน

ท้ายที่สุด นายชูวิทย์มองว่า กลยุทธ์การยกตนเป็นพรรคเทพและผลักฝ่ายตรงข้ามเป็นพรรคมาร อาจเป็นเพียงการจัดฉากทางการเมืองในแพลตฟอร์มยุคใหม่ ซึ่งผลลัพธ์อาจทำให้พรรคอื่นๆ รวมตัวกัน ขณะที่พรรคส้มต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว พร้อมทิ้งท้ายว่า คนไทยเป็นกลุ่มที่เบื่อเร็วและใจร้อน และไม่น่าจะอดทนรอความหวังเดิมๆ ต่อไปได้อีกหลายปี

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img