‘สมช.’ เคาะมาตรการ รับมือ ‘โดรน’ ป่วน ‘สุวรรณภูมิ’ เปิดช่องให้การท่าอากาศยาน ขอกองทัพ ใช้ ‘แอนตี้โดรน’ ขู่มียาแรง หากกระทบความมั่นคง ถึงขั้นโทษประหาร
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.68 นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า วันนี้มีการพิจารณาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีพบ ‘โดรน’ เข้ามาในพื้นที่จุดสำคัญต่างๆ ทั้ง พื้นที่สนามบิน และจังหวัดชายแดน ซึ่งที่ประชุมมีมติที่สำคัญ 2 ส่วน คือ มาตรการระยะเร่งด่วน และมาตรการระยะยาว
ทั้งนี้ ภายหลังมีการถูกพิสูจน์พบโดรนจำนวนหนึ่ง เข้ามาในพื้นที่ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือน ได้ออกประกาศกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดชายแดน และสนามบินสำคัญทั่วประเทศ
สำหรับมาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย
-ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งท่าอากาศยาน, กรมการบินพลเรือน , สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการจัดการกับโดรนเป้าหมายที่เข้ามาในพื้นที่ต่างๆ รวมไปถึงมีการกำหนดมาตรการในการป้องกัน สืบสวนสอบสวน และแอนตี้โดรนต่างๆ เพื่อประสานงานอย่างใกล้ชิด และให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-ให้กระทรวงกลาโหมผ่อนคลายมาตรการในการอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งท่าอากาศยานและหน่วยอื่นๆ สามารถจัดหาแอนตี้โดรนได้ เนื่องจากเป็นยุทธภัณฑ์ จึงต้องขออนุญาตกองทัพ เพื่อเตรียมการให้มีไว้ป้องกันพื้นที่
-ให้มีการเข้มงวดในการนำเข้า และตรวจสอบการลักลอบนำเข้าโดรนในพื้นที่ชั้นใน และพื้นที่อื่นๆ อย่างเข้มงวด
-ประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าการบินโดรน เข้ามาในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ความมั่นคงมีโทษร้ายแรงโดยเฉพาะสนามบิน ที่มีมีโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต จึงอยากสื่อสารให้ทุกฝ่ายเข้าใจ และหากมีการใช้โดรน และพบว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ก็ถือว่ามีมีความผิดตามกฎหมายอาญาด้วย
ส่วน มาตรการระยะยาว ก่อนหน้านี้ มติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เคยมีมติให้กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลัก ในการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานเอกภาพ โดยการดำเนินการจัดตั้งเป็นองค์กรขึ้นมา คือ ”ศูนย์บริหารจัดการควบคุมต่อต้านอากาศยานไม่มีคนขับแห่งชาติ“
-ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัยในอนาคตรวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการใช้เครื่องมือดังกล่าวซึ่งเป็นทักษะขั้นสูง
-เห็นชอบทบทวนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเรื่องของการเพิ่มโทษในกรณีที่มีการใช้โดรนที่กระทบต่อความมั่นคง
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนเพื่อพูดถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาวันนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายต่างๆ เข้ามาขับเคลื่อน แต่ที่ประชุมได้ยืนยันหลักการตามที่เคยมีมติ สมช.ไปแล้วว่า เป้าหมายปลายทางสุดท้ายต้องเป็นการหารือทวิภาคีไทยกัมพูชา
เมื่อถามว่า การจบปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ต้องจบที่การหารือระหว่างไทย-กัมพูชา ใช่หรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ใช่ครับ



















