“ณัฐพงษ์” เผย “ปชน.” พร้อมทำหน้าที่อย่างมีวุฒิภาวะในชั้นกมธ. แม้ ฉบับภาคประชาชน-พรรคประชาชน ถูกตีตก บอกจะไม่ละทิ้งความหวัง ใช้กลไกเปิดประตูนิรโทษให้กว้างที่สุด ด้าน “ไอลอว์” ชี้หากรัฐบาลจริงใจ ต้องผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมคนทุกกลุ่ม
วันที่ 16 ก.ค.2568 เวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังสภาฯ มีมติตีตกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมของ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และฉบับของภาคประชาชน ว่า ตนเข้าใจว่าสส.และประชาชนหลายคน อาจจะรู้สึกผิดหวัง โกรธ หรือบางส่วนอาจจะรู้สึกไม่พอใจ และยังมองว่าการนิรโทษกรรมที่มีแนวโน้มการเลือกปฏิบัติแค่บางกลุ่ม ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้จริง แต่วันนี้พวกเราต้องการมายืนยันกับทุกคนว่าพวกเราเชื่อในกระบวนการในระบบรัฐสภา และร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมที่ผ่านสภาฯ ในวาระที่ 1 ไปทั้ง 3 ร่าง มี 2 ใน 3 ร่าง ที่หลักการยังเปิดกว้างอยู่ ทั้งนี้ กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคประชาชน เราพร้อมใช้กลไกทุกอย่างในชั้นกรรมาธิการ เพื่อที่จะเปิดประตูและเปิดกว้างในการนิรโทษกรรม เพื่อครอบคลุมทุกฝ่ายมากที่สุด เท่าที่เราจะสามารถทำได้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเรามายืนยันการทำหน้าที่ของเรา
“พวกเราเข้าใจทุกฝ่าย ผมเป็น 1 คนในฐานะประชาชนที่เคยร่วมไปช่วยทำงานตอนที่มีการล่ารายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน ผมทราบดีว่าการเสนอร่างกฎหมายที่มาจากภาคประชาชนนั้นลำบากกว่าสส.เยอะ และร่างที่ส่วนตัวผมคาดหวังให้ผ่านมากที่สุดคือร่างของภาคประชาชน ไม่ใช่ของพรรคประชาชนด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าอย่างน้อยหากภาคประชาชนผ่าน สัดส่วนของกรรมาธิการที่จะพิจารณาต่อในวาระที่ 2 ก็จะมีภาคประชาชนเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม การลงมติในวันนี้ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวัง ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด แต่อย่างไรก็ตามในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมาวันนี้พวกเรายืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างมีวุฒิภาวะและจะไม่ละทิ้งความหวัง ในชั้นกรรมาธิการ พวกเราจะผลักดันกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้การนิรโทษเปิดประตูและเปิดกว้างให้ได้มากที่สุด และครอบคลุมทุกฝ่าย” นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการไปขับเคลื่อนต่อไปในชั้นกรรมาธิการใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะไปสู้ต่อในชั้นกรรมาธิการ แต่ตนคิดว่าหลักการวันนี้ที่เราสามารถยืนยันได้ หากกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาในวาระ 3 ได้ ก่อนที่จะมีการยุบสภา และหากเป็นร่างกฎหมายที่เลือกปฏิบัติ ไม่ครอบคลุมทุกฝ่ายจริงๆ เราคงไม่สามารถที่จะเห็นชอบได้ แต่วันนี้กระบวนการยังไม่ถึงที่สิ้นสุด เราเองก็ทิ้งความหวังไม่ได้ ยืนยันว่ากรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคประชาชนเราพร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อเปิดประตูให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่า หากดูจากสถานการณ์ทางการเมืองและความสั่นคลอนของรัฐบาล มองว่ากฎหมายฉบับนี้จะสามารถผ่านได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีทั้งความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้ ความที่เป็นไปไม่ได้คือ มีสถานการณ์ยุบสภาฯ ก่อนที่กฎหมายฉบับนี้จะพิจารณาได้ทัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมดว่าจะออกมาในทิศทางใด ต้องรอติดตามต่อไป ส่วนมีกฎหมายอะไรที่พรรคประชาชนจะเสนอในช่วงนี้อีกหรือไม่นั้น ยังมีอีกหลายฉบับ อีกทั้งที่มีการประเมินว่าด้วยสถานการณ์การเมืองขณะนี้อายุสภาฯ ที่เหลืออยู่ อาจจะเหลือไม่มาก ซึ่งพรรคประชาชนทั้ง 141 เสียง พร้อมที่จะผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด
ด้าน นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับประชาชนที่ถูกสภาตีตก ว่า หากนิรโทษกรรมเพียงบางคนบางกลุ่มไม่ได้ไปพร้อมกัน ไม่ได้เรียกว่าสร้างสังคมสันติสุข และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราได้แถลงหลักการและเหตุผลต่อสภาไปหมดแล้ว แต่สภาได้มีมติรับหลักการนิรโทษกรรมฉบับประชาชนไม่ถึงครึ่ง ทำให้ร่างตกไป และขอยืนยันว่า ถ้าสภาจะเดินหน้าในวาระ 2 และ 3 โดยกีดกันคนบางส่วน ไม่ให้มีสิทธิ์ได้รับนิรโทษกรรมเลย ไม่เปิดช่องแยกแยะประเภทประเด็น
“ผมมองว่าไม่ถูกต้องรวมถึงสภา กำลังนิรโทษกรรมความผิดที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำต่อประชาชนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง ไม่ได้เป็นไปเพราะการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการใช้อำนาจมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ หากในวาระที่ 2 ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ตน ก็ขอยืนยันว่าจะไม่มีทางประสบความสำเร็จด้านการสร้างสังคมสันติสุข สร้างความสมานฉันท์ปรองดองได้ และก็จะขอคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ” นายยิ่งชีพ กล่าว
ขณะที่ นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557 มีผู้ต้องคดีที่เป็นฐานความผิดทางการเมืองอย่างน้อย 34 ฐานความผิด ซึ่งร่างหลักที่ผ่านเข้าไปในสภาวันนี้ โดยร่างของนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ มีฐานความผิดแค่ 20 ฐานความผิดเท่านั้น แปลว่าอีก 14 ประเภทความผิดจะไม่ถูกนับรวม อยู่ในการนิรโทษกรรมครั้งนี้ ซึ่งรวมฐานความผิดมาตรา 112 อยู่ด้วย
” จึงเกิดเป็นคำถามไปถึงสภาผู้แทนราษฎรว่า วันนี้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยที่ไม่รวมทุกกลุ่มเพื่อประโยชน์ กับคนกลุ่มใดเป็นการที่คลายความขัดแย้งจริง ๆ หรือ แล้วฝากให้ติดตามคดีมาตรา 112 และคดีอื่น ที่เกี่ยวกับการเมืองยังคงอยู่ ถ้ารัฐบาลจริงใจอยากแก้ไขปัญหาจริง ๆ อย่างน้อยต้องแก้ไขกฎหมายก็สามารถช่วยเหลือได้ ” นางสาวพูนสุขกล่าว
นายยิ่งชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นห่วงคนที่อยู่ในเรือนจำ และจะมีคนที่ต้องเข้าเรือนจำเพิ่ม โดยเฉพาะผู้กระทำความผิดที่เป็นเด็กและเยาวชน ถ้าไม่มีการออกนิรโทษกรรมในวันนี้ในอนาคตจะมีคนไม่ได้กลับบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมยืนยันว่าจะยังคงมีกิจกรรมเคลื่อนไหว ดูแลคนที่ยังอยู่ในเรือนจำในระหว่างที่กฎหมายยังไม่ออกมา โอกาสของคนในเรือนจำที่ถูกคดีทางการเมืองยังมีอยู่เสมอ แม้ไม่ได้ในสภาแห่งนี้ก็อาจจะได้ในสภาชุดต่อไป หากต้องมีการเลือกตั้งใหม่ก็ให้เลือกพรรคการเมืองและ สส. คนที่ลงมติรับในรอบนี้ และพร้อมที่จะลงมติรับในเรื่องรอบหน้าเท่านั้น.











