อดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ปาฐกถาพิเศษกลางเวที “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย” วิจารณ์การเมืองไทยถอยหลังตลอด 20 ปี ชี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง วอนทุกฝ่ายร่วมมือกันฟื้นประเทศ พร้อมเหน็บกรณีความสัมพันธ์กัมพูชา ผู้นำไร้จริยธรรมแต่ไทยกลับเข้าข้าง จี้ต้องแยกแยะ “ใครเป็นไทย-ใครเป็นเขมร”
เมื่อเวลา 18.55 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษในงานเสวนาปลดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤตโลก(Unlocking Thailand’s Future) ของ อสมท. โดยมีคนการเมือง และภาคธุรกิจแห่ร่วมงาน อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์, นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี รวมถึงนายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ
ขณะที่กลุ่มรัฐมนตรีส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรือง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุชาติ ตันเจริญ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ขณะที่รัฐมนนรีต่างพรรคมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ส่วนคนภาคธุรกิจ อาทิ นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
โดยวันนี้นายทักษิณขึ้นปาฐกถาพิเศษในหัวข้อปลดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤติโลก และพลิกเกมเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต ก่อนจะให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการฟังหูไว้หู
เมื่อเวลา 19.45 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ต่อสถานการณ์ประเทศในหลากหลายมิติ โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา หลายประเด็นที่เคยเสนอไว้สมัยเป็นนายกฯ กลับไม่ได้รับการพัฒนา หรือบางอย่างถอยหลังลงคลองเสียด้วยซ้ำ แม้จะมีบางภาคส่วน เช่น เอกชน หรือราชการที่มีบุคลากรเก่งก้าวหน้า แต่โดยรวมแล้ว ประเทศไทยยังขาดความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการรวมพลังเพื่อแก้ไขปัญหา
ในช่วงหนึ่ง นายทักษิณยังกล่าวถึงกรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า “ผู้นำเขมรไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างเขา ผมงงว่าทำไมคนไทยไม่รักกัน สิ่งนี้ไม่น่าเกิดขึ้น ไม่มีผู้นำประเทศไหนในโลกทำกันแบบนี้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เพิ่งหลุดจากรัฐบาล กลับมองว่าเป็นการขายชาติ สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเขมร ใครเป็นไทยกันแน่”
อดีตนายกฯ ยังกล่าวถึงปัญหาการเมืองในไทย โดยย้อนทบทวนรัฐธรรมนูญปี 2540 ว่าเป็นฉบับประชาชนอย่างแท้จริง พรรคไทยรักไทยเข้ามาสู่ระบบจากการขายนโยบายจนได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่หลังการปฏิวัติ ทุกอย่างกลับถอยหลัง ย้ำว่าระบบรัฐบาลผสมหลายพรรคเช่นทุกวันนี้ ทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพ บ้านเมืองไม่เดินหน้า
“ขอร้องทุกฝ่ายว่าการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นักธุรกิจ ข้าราชการต้องทำงานต่อไป รัฐบาลมีหน้าที่เสริมความแข็งแกร่งให้เอกชน” นายทักษิณกล่าวทิ้งท้าย.
