“ทักษิณ ชินวัตร” ย้ำไทยต้องใช้กลไกทางการทูตในการพูดคุยกับกัมพูชา กรณีทหารพรานเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลฯ ชี้หากพบว่าฝ่ายตรงข้ามละเมิดกติกา จะต้องดำเนินการตามข้อตกลงสากล
เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ทหารพรานของไทยประสบเหตุเหยียบกับทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีกระแสข่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า กว่า 80% เป็นทุ่นระเบิดแบบใหม่
นายทักษิณระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นระเบิดใหม่หรือระเบิดเก่า พร้อมเน้นย้ำว่า “ทั้งสองฝ่ายจะต้องพูดคุยกัน เพราะหากไม่เจรจา ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เป็นผลดี”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงรายงานล่าสุดจากกองทัพภาคที่ 2 ที่ระบุว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณตอบว่า “ก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องประท้วงตามหลักสากล และหลังจากนั้นก็ต้องมีการเจรจาร่วมกันระหว่างสองประเทศ”
ส่วนกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามว่าฝั่งกัมพูชามัก “เล่นนอกเกม” ไทยควรรับมืออย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า “เราก็ต้องดำเนินการตามสิ่งที่ควรจะเป็น หากมีการกระทำที่นอกกติกา ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน”
ทั้งนี้ เมื่อถูกถามว่า หากพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเป็นระเบิดใหม่จริง ไทยจะร้องเรียนต่อองค์กรนานาชาติหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ประเทศไทยมี สนธิสัญญาหลายฉบับรวมถึงสนธิสัญญาออตตาวา ที่ห้ามการใช้ สะสม ผลิต และส่งต่อทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แต่ที่ผ่านมา “เรายังไม่เคยหยิบขึ้นมาใช้จริงจัง”
ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะยังใช้ “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” ในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาอีกหรือไม่ นายทักษิณตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน”.
