“พิชัย” เผยตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. มีมูลค่า 857,700 ล้านบาท ขยายตัว 10.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 คาดทั้งปีขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4%
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขส่งออกของไทยเดือนเมษายนว่า มีมูลค่า 25,625 ล้านดอลลาร์ หรือ 857,700 ล้านบาท ขยายตัว 10.2 % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และมีมูลค่าการนำเข้า 28,946 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.1% ขาดดุลการค้า 3,321 ล้านดอลลาร์ หากหักสินค้าเกี่ยวกับน้ำมัน ขณะที่ การส่งออของไทย 4 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่า 107,157 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% การนำเข้า มีมูลค่า 109,397 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.6% ขาดดุลการค้า 2,204 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจไทย แม้ในช่วงที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แต่การส่งออกยังเติบโต และในช่วง 7 เดือนที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศ ขยายตัวได้ถึง 12.5% ซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขในระดับนี้มาหลายสิบปีแล้ว
สำหรับการส่งออกกับคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะ สหรัฐฯกับจีนยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ เดือนเมษายน 2568 มูลค่า 5,040 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า มูลค่า 1,784 ล้านดอลลาร์ ดุลการค้า เกินดุล3,256 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ 4 เดือน มีมูลค่า 20,848 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า 6,853 ล้านดอลลาร์ เกินดุลการค้า 13,994 ล้านดอลลาร์
ส่วนการค้าไทยกับจีน ไทยส่งออกสินค้าไปจีน เดือนเมษายน 2568 มูลค่า 3,549 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า มูลค่า 8,820 ล้านดอลลาร์ ดุลการค้า ขาดดุล 5,271 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ไทยส่งออกสินค้าไปจีน 4 เดือน มีมูลค่า 12,331 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า 31,564 ล้านดอลลาร์ ขาดดุลการค้า 19,232 ล้านดอลลาร์
“หลายฝ่ายเคยคาดว่าภาษีจากสหรัฐฯ จะทำให้ส่งออกไทยตกฮวบ แต่ตัวเลขพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง เรายังโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 23.8% และโตต่อเนื่องมาแล้ว 19 เดือนติดต่อกัน”
นอกจากนี้ตลาดยุโรป ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์เตรียมเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเข้าพบกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า นายมารอส เซฟโควิช รวมถึงพบปะกับ OECD เพื่อผลักดันให้การเจรจาสำเร็จเร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการค้าของไทยในตลาดยุโรปได้อย่างมาก
โดยสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 16.6% (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 75.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี) ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 15.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และมาเลเซีย)
แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัว 39% ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว 42.1% ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ขยายตัว 38.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัว 13.8% กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน
(หดตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดเวียดนาม แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา ชิลี และจีน) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ หดตัว 13.1% หดตัวในรอบ 14 เดือน (หดตัวในตลาดจีน เยอรมนี มาเลเซีย เวียดนาม และอาร์เจนตินา แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย และสิงคโปร์)
เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัว 15.5% กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง เมียนมา และสาธารณรัฐเช็ก แต่ขยายตัวในตลาดเม็กซิโก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ญี่ปุ่น ไอร์แลนด์ และสิงคโปร์) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์หดตัว 7.6% กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน และแคนาดา)
อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หดตัว 33.1% หดตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และสาธารณรัฐเช็ก แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และสิงคโปร์) ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 18.7%
สำหรับทิศทางแนวโน้มการส่งออกทั้งปี 2568 การส่งออกยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ในกรณีที่ในช่วง 8 เดือนที่เหลือของปี 2568 การส่งออกไทยก็ยังจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 25,000 ล้านดออลาร์ต่อเดือน จะทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวกว่า 4% ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ส่วนความคืบหน้าการเจรจากับสหรัฐฯ กรณีที่สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% นั้นคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 90 วัน และมั่นใจว่านโยบายส่งออกในปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และจะสามารถนำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว



















