“เอกพจน์”เผยอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ส่งผลเสียหายต่อกุ้งในบ่อประมาณ 1,000 ล้านบาท เตรียมร่อนหนังสือถึงนายกฯ ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยง หวังทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าอินเดีย 60% หนุนส่งออกกุ้งไทยเพิ่ม
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ สงขลา พัทลุง และปัตตานี คาดการเบื้องต้นว่ามีความเสียหายจากการสูญเสียกุ้งในบ่อประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปริมาณผลผลิตจากพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของผลผลิตทั้งหมด แต่นอกจากความเสียหายต่อผลผลิตกุ้งในบ่อแล้ว ยังมีความเสียหายของเครื่องตีน้ำและอุปกรณ์ต่างๆ ในฟาร์ม ซึ่งอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน ในการจัดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรในการซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ทันในรอบหน้า
ทั้งนี้สมาคมฯจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ช่วยเหลือผู้เลี้ยงกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในเขตภาคใต้ดังกล่าว เบื้องต้นมีความเสียหายโดยสิ้นเชิงจำนวน 1 หมื่นราย จากทั่วประเทศที่มีผู้เลี้ยงกุ้ง 3 หมื่นราย คาดว่าหากรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณตามความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ 1,000 ล้านบาทจะส่งผลให้เกษตรกรฟื้นตัวได้ และมีความพร้อมจะปรับเปลี่ยนระบบการเลี้ยงเป็นกุ้งLow Co2 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มความต้องการของตลาดโดยเฉพาะ ใน อียู และสหรัฐ หากไทยปรับตัวได้ก่อนจะทำให้กุ้งมีราคาสูงขึ้นและยกระดับเป็นกุ้งพรีเมี่ยม
สำหรับภาพรวมการส่งออกกุ้ง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2568 ) 1.06 แสนตัน ปรับตัวลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งปริมาณ และมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาทจากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลต่อตลาดคู่ค้าสำคัญทั้งญี่ปุ่น จีน และสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ตลาดในประเทศเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ จากสถานการณ์การบริโภคกุ้งที่ดีขึ้น โดยขณะนี้สัดส่วนการบริโภคกุ้งในประเทศคิดเป็นประมาณ 15% ของผลผลิตกุ้งทั้งหมด ากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นแรงจูงใจในการลงกุ้งเพิ่ม แต่ในปลายไตรมาส 3 ราคากุ้งอ่อนตัวลงเล็กน้อย 5-10% เพราะปริมาณฝนมากขึ้นเกษตรกรจึงเร่งจับกุ้งก่อนกำหนด
สำหรับสถานการณ์ผลผลิตกุ้งโลก ปี 2568 คาดว่าจะมีปริมาณ 5.22 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% โดยประเทศผู้ผลิตหลักเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยเฉพาะเอกวาดอร์ ผลิต 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% ตามด้วย จีน ผลิตได้ 1.34 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่สถานการณ์ผลผลิตกุ้งไทย ปี 2568 มีปริมาณ 2.7 แสนตันทรงตัวเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา
ส่วนในปี 2569 จะเป็นจุดพลิกฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งไทย เนื่องจากสหรัฐฯ เก็บอัตราภาษีตอบโต้ หรือ Reciprocal รวมถึงมาตรการภาษี AD, CVD ซึ่งทำให้อินเดียซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งต้องเสียภาษีรวมสูงถึง 50-60% ขณะที่ไทยที่มีอัตราภาษีเพียง 19% ซึ่งจะทำให้ไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคามากขึ้น จากกุ้งของอินเดียที่หายไปจากตลาดสหรัฐ 3 แสนตัน กุ้งไทยสามารถเข้าไปแทนในส่วนนี้ได้



















