“อัทธ์” เผยปิดด่าน 18 แห่ง กระทบต่อการค้าชายแดนทำให้ไทยสูญรายได้จากการส่งออก 84,640 ล้านบาทกระทบ 0.5% ของจีดีพี จากปกติมูลค่าส่งออกอยู่ที่ปีละ 220,800 ล้านบาท
รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยถึงผลกระทบต่อการค้าชายแดน หลังปิดด่าน 18 แห่ง ที่ติดกับ 7 จังหวัดของไทย ได้แก่ ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.-8 ธ.ค.ว่า ทำให้รายได้ไทยจากการส่งออกหายไป 84,640 ล้านบาท ภาพรวมเศรษฐกิจไทยกระทบ 0.5% ของ GDP ส่วนมูลค่านำเข้าจากกัมพูชาปกติปีละ 32,000 ล้านบาท ขณะที่กัมพูชาสูญรายได้ส่งออก 12,000 ล้านบาท และกัมพูชาได้รับผลกระทบจากการค้า 0.9% โดยปกติมูลค่าส่งออกชายแดนไทยไปกัมพูชาอยู่ที่ปีละ 220,800 ล้านบาท
ด้านผลกระทบต่อ ท่องเที่ยว และกาสิโนในกัมพูชา โดยกัมพูชาต้องสูญเสียรายได้จำนวนมากจากนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในการเข้าประเทศโดยรายได้ท่องเที่ยวจากคนไทยปีละ 42,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากกาสิโน 20 แห่งตามแนวชายแดนกัมพูชามีเงินหมุนเวียน 200 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้หากประเมินผลกระทบรวมทั้งการค้า การท่องเที่ยว และกาสิโน ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือน เศรษฐกิจไทยกระทบ 0.5% ของ GDP ในขณะที่กัมพูชากระทบ 2.1% ของ GDP ไทยต้องเร่งจัดการความขัดแย้งครั้งนี้ให้เร็วที่สุด เพราะระยะสั้นกระทบการตัดสินใจมาลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติที่อาจมองประเทศอื่นในอาเซียนโดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ด้านอุตสาหกรรมที่เสี่ยง คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเสื้อผ้า โดยหากการสู้รบยืดเยื้ออาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่เข้ามาเที่ยวไทย เพราะมีทั้งการสู้รบ สแกมเมอร์ และการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้มูลค่าการค้าไทยส่งออกไปกัมพูชาระยะสั้นจะได้รับผลกระทบหนักโดยรัฐอาจต้องนำสินค้าเหล่านี้ไปหาตลาดอื่นทดแทนด่วน รวมทั้งไทยต้องเร่งหาแรงงานไทย หรือ แรงงานประเทศอื่นเข้ามาแทนที่ แรงงานกัมพูชาในไทย



















