ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 5.22 จุด วอลุ่มซื้อขายค่อนข้างบาง สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้น่าจะซึมตัว ให้แนวรับ 1,244-1,240 จุด แนวต้าน 1,250-1,260 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,254.03 จุด ลดลง 5.22 จุด หรือ -0.44% มูลค่าซื้อขาย 23,709.17 ล้านบาทว่า หุ้นไทยซึมตลอดวัน เพราะไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม วอลุ่มซื้อขายค่อนข้างบาง ช่วงท้ายตลาดดิ่งลงกว่า 10 จุดจนหลุด 1,250 จุดก่อนดีดขึ้นลดช่วงลบ เหตุที่ร่วงลงไปเป็นการปรับลงทางเทคนิคที่มีการ roll over ฟิวเจอร์ S50Z25
หลังจากผ่านการลงสมัครเลือกตั้งและได้เบอร์ประจำปาร์ตี้ลิสต์แต่ละพรรคแล้ว ยังต้องรอดูปัจจัยในปีหน้าว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ จะมีนโยบายที่น่าสนใจอย่างไร เพราะจะเป็น Sentiment ต่อตลาดหุ้น โดยในเดือน ม.ค.69 จะเริ่มเห็นการหาเสียงอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ การเลืกตั้งจะมี impact ตลาดหุ้นในเดือน ม.ค. เพราะตามสถิติก่อนการเลือกตั้ง 1-2 สัปดาห์และหลังเลือกตั้ง 1 เดือนจะส่งผลเชิงบวกต่อการตอบรับนโยบาย แต่ปีนี้ก็มีความท้าทายที่มีการตั้งจะมีการจับขั้วกันของแต่ละพรรคการเมือง อาจเกิดติดล็อกเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นปัจจัยสำคัญของตลาดหุ้นในเดือนหน้าอยู่ที่เรื่องการเลือกตั้ง
ส่วนรัฐบาลรักษาการ คงไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้มาก ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน ก.พ.69 คาดว่าจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากปี 68 ลดไป 4 ครั้งแล้ว ส่วนสถานการณ์ไทย-กัมพูชายังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เดือนม.ค. 69 และเก็งงบการเงินปี 68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะประกาศออกมาเป็นกลุ่มแรก
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้น่าจะซึมตัว ให้แนวรับ 1,244-1,240 จุด แนวต้าน 1,250-1,260 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,946.62 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท เพิ่มขึ้น1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,219.14 ล้านบาท ปิดที่ 31.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,173.70 ล้านบาท ปิดที่ 43.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,066.26 ล้านบาท ปิดที่ 111.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,023.34 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท ลดลง 0.50 บาท



















