“อนุทิน” เซ็นแต่งตั้งบอรด์อีวีใหม่ประชุมนัดแรกวันที่ 20 พ.ย.นี้ พิจารณามาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการส่งออก-หนุนใช้ชิ้นส่วนในประเทศผลิตอีวีเพิ่ม
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ชุดใหม่ โดยมีนายอนุทินเป็นประธานกรรมการ ส่วนรองประธานคือนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เป็นกรรมการและเลขานุการ
ขณะที่ผู้ช่วยเลขานุการมาจาก 3 หน่วยงาน คือ ผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และอธิบดีกรมสรรพสามิต
ส่วนกรรมการอื่นๆ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นายกุลิศ สมบัติศิริ นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี
ทั้งนี้จากเดิมทีมีรายชื่อนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรมช.คลัง เป็นกรรมการ ซึ่งคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวออกมาตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายวรภัค ประกาศลาออกจากรมช.คลัง ต้องดูว่า จะมีการแต่งตั้งใครมาแทนหรือไม่ โดยจะประชุมนัดแรกวันที่ 20 พ.ย. 68 โดยมีวาระเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา เช่น มาตรการเห็นชอบให้กรมสรรพสามิต ปรับเงื่อนไขคำนวณจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตชดเชยภายใต้มาตรการอีวี 3 และอีวี 3.5 จูงใจเอกชนผลิตเพื่อส่งออก จากที่ผ่านมาได้อนุมัติในบอร์ดชุดน.ส.แพทองธารไปแล้ว แต่นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ทัน โดยจะนำมาตรการดังกล่าวมาหารือในบอร์ดอีวีใหม่อีกครั้ง และนำเข้าครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป
“การที่กรมสรรพสามิตรปรับเงื่อนไขในการคำนวณจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตชดเชย สาระสำคัญ เช่น ให้ผลิต 1 คัน นับเป็นการผลิตชดเชย 1.5 คัน สำหรับยานยนต์ที่ผลิตและส่งออกไปต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 68 ตามข้อเสนอของส.อ.ท.และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขยายตลาดส่งออก โดยคาดว่าจะทำให้จำนวนการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณปีละ 12,500 คัน ในปี 68 และ 52,000 คัน ในปี 69”
ขณะเดียวกันจะสนับสนุนให้ผู้ผลิตรถอีวีที่ผลิตในประเทศ หันมาใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น เพื่อช่วยเอสเอ็มอีในประเทศ และให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมานายอนุทินได้ให้ความสำคัญกับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประกาศว่าไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี และแบตเตอรี่











