หน้าแรกHighlightเปิด 3 ปัจจัยหนุน‘ราคาวัสดุก่อสร้าง’พุ่ง

เปิด 3 ปัจจัยหนุน‘ราคาวัสดุก่อสร้าง’พุ่ง

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นันทพงษ์” เผยราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพ.ย.มีแนวโน้มสูงขึ้น จาก 3 ปัจจัยหลัก ทั้งแรงหนุนโครงการก่อสร้างของภาครัฐ-ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย-ต้นทุนพุ่ง จากปรับกระบวนการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างตามมาตรการภาษีคาร์บอน

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน ปี 2568 มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยจาก

1.การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนที่กำหนด

2.ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างในการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและด้านคมนาคมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ

3.การปรับกระบวนการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็ก เป็นต้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตตามมาตรการภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU) ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนตุลาคม 2568 เท่ากับ 113.4 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.3 ขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ขณะที่ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกดดันให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างบางหมวดลดลง มีรายละเอียด ดังนี้

หมวดที่ดัชนีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 1.0 จากการสูงขึ้นของไม้แบบ วงกบหน้าต่าง และบานหน้าต่าง จากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น (การดำเนินการ วัตถุดิบ) หมวดซีเมนต์ สูงขึ้นร้อยละ 6.7 จากการสูงขึ้นของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากจากความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างภาครัฐขยายตัว

หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 0.9 จากการสูงขึ้นของเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง คานคอนกรีตสำเร็จรูป คอนกรีตผสมเสร็จ และถังซีเมนต์สำเร็จรูป ตามการสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ (ปูนซีเมนต์ ทราย) และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 1.5 จากการสูงขึ้นของสายส่งกำลังไฟฟ้า NYY สายไฟฟ้า VCT และสายไฟฟ้า VAF ตามการสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ (ทองแดง) รวมทั้งมีความต้องการใช้ในการก่อสร้างด้านสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและดิจิทัลเพิ่มขึ้น

ขณะที่หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 1.3 จากการลดลงของเหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย เหล็กตัวซี เหล็กตัว H และท่อเหล็กดำ เป็นผลจากการบังคับใช้มาตรการทางภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในหลายประเทศทำให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศหาตลาดใหม่ทดแทนส่งผลให้มีการระบายเหล็กสู่อาเซียนรวมทั้งประเทศไทย หมวดกระเบื้อง ลดลงร้อยละ 1.4 จากการลดลงของกระเบื้องยาง PVC ปูพื้น กระเบื้องเคลือบบุผนัง และกระเบื้องเคลือบปูพื้น จากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนโครงการก่อสร้างใหม่เนื่องจากยังมีอุปทานของอสังหาริมทรัพย์ที่ค้างอยู่สูง

ส่วนหมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 4.4 จากการลดลงของโถส้วมชักโครก อ่างล้างหน้าเซรามิก ฝักบัวอาบน้ำ และราวจับสแตนเลส ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนโครงการก่อสร้างใหม่เนื่องจากยังมีอุปทานของอสังหาริมทรัพย์ที่ยังค้างอยู่สูง หมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 2.3 จากการลดลงของยางมะตอย ตามการลดลงของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่มีสาเหตุจากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ (OPEC+) สำหรับหมวดวัสดุฉาบผิว ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisement -spot_imgspot_img

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img