สธ.เผยยังไม่พบรายงานป่วยหนักจาก PM 2.5 ชี้กลุ่มเสี่ยงโรคหอบ ถุงลมโป่งพอง มีโอกาสอาการรุนแรง
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 68 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งพอเข้าช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศกดตัว ทำให้อากาศไม่ระบาย ทั้งการเผาทางการเกษตรก็ทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 เยอะ จึงมีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนตั้งแต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดกับกลุ่มเปราะบาง คนมีโรคประจำตัว คนแก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์
นพ.ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการรองรับเรื่องฝุ่น PM 2.5 ทั้งหมด 4 มาตรการ 1. การสร้างความรับรู้ให้ประชาชน และกลุ่มเสี่ยง 2. ลดผลกระบทบ ทั้งใส่หน้ากากอนามัยชนิดธรรมดา และ N 95 รวมถึงปี 2569 มีเป้าหมายทำห้องปลอดฝุ่นในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาลทั้งรัฐ เอกชน โรงพยาบาล ให้ได้ 2 หมื่นแห่ง และมุ้งสู้ฝุ่นประมาณ 5 พันมุ้ง ให้กลุ่มเปราะบาง 3. มีคลินิกให้บริการโรคอาชีวะเวชกรรม เพื่อให้บริการดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างน้อยจังหวัดละ 2 แห่ง 4. มีการตั้งศูนย์อีโอซี ทุกจังหวัด
เมื่อถามถึงรายงานผลกระทบทางด้านสุขภาพที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 นพ.ปองพล กล่าวว่า ตอนนี้รายงานป่วยจาฝุ่น PM 2.5 ยังมีเล็กน้อย เพราะตอนนี้สถานการณ์ยังเป็นระดับสีเหลือง หรือค่อนข้างเป็นปกติ แต่บางพื้นที่อาจจะมีสีส้ม เริ่มมีผลกระทบ แต่ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยอาการหนัก หรือเสียชีวิต ยังมีเพียงผู้ป่วยอาการเล็กน้อย ส่วนผลกระทบกับสุขภาพระยะยาวหลังมีฝุ่น PM 2.5 มานานแล้ว โดยเฉพาะโรคปอด โรคมะเร็ง นั้น มีข้อมูลว่าคนที่มีปัญหาทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง ก็มีโอกาสที่จะเป็นหนักขึ้น เราก็พยายามป้องกันกลุ่มเสี่ยงอยู่ ให้อยู่ในห้องปลอดฝุ่น มีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เครื่องฟอกอากาศ เลี่ยงไปพื้นที่ฝุ่นเยอะ สวมหน้ากาก N95 ส่วนมะเร็งปอดนั้นมีงานวิจัยว่า ฝุ่น PM 2.5มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งปอดสูงขึ้น.
