ทบ.เผยเกิดการปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา ในหลายพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง พร้อมเร่งสนับสนุนอพยพประชาชนในพื้นที่ชายแดน ขณะที่กองทัพบกที่ 2 สรุปไทม์ไลน์สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
จากสถานการณ์การปะทะต่อเนื่องจากวานนี้ (7 ธ.ค. 68) ที่ทหารกัมพูชาได้โจมตีเข้ามาในพื้นที่ภูผาเหล็ก – พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค. 68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยว่าในช่วงเช้ามืดวันนี้ได้มีการปะทะในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชาได้ทำการยิงด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้งตั้งแต่เวลาโดยประมาณ 05.05 น. จนถึงปัจจุบัน ซึ่งฝ่ายไทยได้ตอบโต้ตามกฎการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้ง
และเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กองทัพบกได้รับรายงานว่าทหารไทยถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่าปัจจุบันฝ่ายไทยได้เริ่มใช้อากาศยานเข้าโจมตีต่อเป้าหมายทางทหาร ในหลายพื้นที่เพื่อยับยั้งการโจมตีของอาวุธยิงสนับสนุนของทหารกัมพูชา
ทั้งนี้ในพื้นที่ชายแดนกองทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารี และกองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ได้จัดกำลังพลสนับสนุนการอพยพประชาชนตามแผนเรียบร้อยแล้ว สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่กองทัพบกที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้
• 03.00 น. ภาพข่าวชี้กองกําลังกัมพูชากําหนดเป้าหมายสนับสนุนอาวุธดับเพลิงมุ่งหน้าฝั่งไทย โดยเฉพาะบริเวณท่าอากาศยานสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์
• 05.00 น.: กองกําลังกัมพูชายิงอาวุธยิงโดยตรงไปยังตําแหน่งของกองกําลังประจําการในพื้นที่ช่องอันมา กองกําลังของเราตอบสนองตามกฎของการมีส่วนร่วม บุคลากรทุกคนปลอดภัย
• 06.00 น.: กองกําลังกัมพูชายังคงใช้อาวุธปืนทางอ้อมกับฝ่ายของเราในพื้นที่ช่องอันม้า
พลเรือนประมาณ 70% ถูกอพยพแล้ว มีผู้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ 35,623 คน ณ สถานสงเคราะห์ชั่วคราว เชื่อว่าผู้ที่ไม่ได้เข้าที่พักอาศัยจะพักอาศัยกับญาติ ๆ หรือยังอยู่ในระหว่างการย้ายที่อยู่ ระหว่างอพยพในพื้นที่อําเภอน้ํายืน มีพลเรือนเสียชีวิต 1 รายขณะเคลื่อนย้าย
เขตกองทัพภาคที่ 2 จะยังคงติดตามสถานการณ์ การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และจ้างมาตรการทั้งหมดที่จําเป็น เพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน และอํานาจอธิปไตยของประเทศชาติอย่างเต็มที่
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากหน่วยงานราชการ และขอยืนยันว่าพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยังดําเนินภารกิจด้านความปลอดภัยชายแดนอย่างระมัดระวัง เข้มแข็ง และมุ่งมั่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลงในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติ



















