หน้าแรกNEWS“จุลพันธ์”โต้“อนุทิน”ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ  ไม่ยอมให้รธน.เป็นตัวประกันแลกมีทุจริต

“จุลพันธ์”โต้“อนุทิน”ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ  ไม่ยอมให้รธน.เป็นตัวประกันแลกมีทุจริต

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จุลพันธ์” สวนกลับ “อนุทิน” กลัวอะไรกับการตรวจสอบ หลังสัญญาณพร้อมยุบสภา 12 ธ.ค. ดักคอแรง! รัฐบาล “ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ” ชี้ถ้าไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว ซัด รัฐบาลใช้การแก้ รธน. เป็น “ตัวประกัน” เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหรือไม่ แย้มร่างญัตติไว้แล้วรอเคาะวันยื่น

เมื่อวันที่ 21 พ.ย.68 เวลา 10.50 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ส่งสัญญาณพร้อมยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมเลือกตั้ง ไม่ได้ติดขัดอะไร การยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ จะยุบเมื่อไหร่สามารถทำได้ แต่ยืนยันกระบวนการยุบสภา หากมีการเสนอญัตติแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนที่นายกฯบอกว่าหากอะไรที่ยังค้างอยู่ทำไม่สำเร็จก็เป็นเพราะฝ่ายค้านยื่นอภิปรายจนต้องยุบสภานั้น นายอนุทิน เกริ่นว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่สามารถชนะได้ ในข้อเท็จจริงไม่แน่ใจว่าวันที่ตั้งรัฐบาลไม่มีเครื่องคิดเลขหรือเปล่า รู้อยู่แล้วว่าเสียงไม่พอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก พวกตนชี้ประเด็นที่ในสภาหลายครั้ง ว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ท่านเลือกเดินทางนี้ พรรคประชาชนก็ส่งสัญญาณว่ากรณีที่รัฐบาลไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรงจะไม่ลงมติไม่ไว้วางใจ อย่างนี้แสดงว่ารัฐบาลมีชนักหรือไม่ ท่านห่วงพะวงว่าได้กระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กระทำที่เกิดความเสียหายกับประเทศหรือไม่ จึงกลัวว่าหากอภิปรายแล้วจะสามารถโน้มน้าวพรรคการเมืองอื่นให้ร่วมลงมติได้ ถ้าไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว พวกตนหากอภิปรายแล้วไม่มีข้อมูลไม่มีเนื้อหา สุดท้ายความเสียหายตกกับพวกตนแต่กระบวนการตรวจสอบต้องเกิด เมื่อถามว่า ที่บอกว่าได้คุยกับหัวหน้าพรรคประชาชนมีการพูดคุยแล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคประชาชนจะร่วมเข้าชื่อลงญัตติด้วยหรือไม่

เมื่อถามว่า กรณีการส่งสัญญาณของรัฐบาลทำให้เข้าใจว่าหากยุบสภาเป็นเพราะพรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ กล่าวว่าต้องดูความจริงใจตั้งแต่ต้นในการเข้าสู่ MOA มีเจตนาว่าจะเดินไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าไม่ได้กระทำผิด เช่น การปัดเป่าคดี การแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ การทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาชายแดน พรรคเพื่อไทยไม่มีเรื่องให้ยื่นอภิปราย ฉะนั้นให้มองตัวเอง

เมื่อถามว่า ได้เตรียมญัตติไว้แล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการร่างญัตติไว้แล้ว ส่วนจะยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะต้องมีการหารือกันเพื่อหาจังหวะที่เหมาะสม เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญคนจะมองว่ารัฐธรรมนูญคือตัวประกันหลัก นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ถูกครับ” ใช้คำว่าตัวประกัน เพราะเห็นอาการชัดมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐบาลพยายามใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตัวประกันไม่ให้มีกระบวนการในการยื่น การลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญหากผ่านแล้ว หมายความว่ารัฐบาลดำเนินการตามข้อตกลง คือให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอนุญาต สว. เสียงส่วนใหญ่มาร่วมลงมติผ่านแล้ว กระบวนการทุจริตคอรัปชั่น หรือกระบวนการความเสียหายให้กับประเทศ พรรคฝ่ายค้านเพื่อไทยจะต้องยกให้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเรื่องความเสียหายต่อประเทศ และการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ในฐานะการเมืองไม่สามารถเว้นได้ มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการครบถ้วน หากมีอะไรที่เป็นเรื่องกระทำให้ถูกพรรคการเมืองฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการ ส่วนรัฐบาลเป็นเวทีที่มีโอกาสตอบ

เมื่อถามว่า มองพรรคภูมิใจไทยมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คนที่พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ถ้าติดตามแล้วจะรู้ว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญติดตรงไหน มีบางพรรคการเมืองวอล์คเอาท์ การไม่สามารถรวบรวมเสียงสว.ได้ 1 ใน 3 เสียง ก็เป็นข้อสงสัยว่าสว.สีอะไร แต่ในส่วนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โจทย์มีความชัดเจนตั้งแต่แรก ว่าไม่แก้ แต่เพื่อต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ จึงไปมีข้อตกลงกันขึ้นมา ที่เกิดขึ้นจาก 2 ฝ่าย ตนสงสัยในความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นกรรมาธิการ ว่าอนาคตจะจบอย่างไร เพราะเห็นแต่กระบวนการในการแก้ไขเรื่องคดีความ การโยกย้ายข้าราชการ เหมือนเตรียมการเลือกตั้ง ตรงจุดนี้มองว่า สิ่งที่ไปตกลงกันไว้เรื่องการทำ MOA ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการแต่อย่างใด ซึ่งดเชื่อมั่นว่าสุดท้ายกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะความจริงใจของผู้ที่ร่วมในข้อตกลง MOA และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากต้องทำให้เสร็จทันกรอบเวลาแล้ว ภาคการเมืองจะต้องรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อตัดสินใจว่าจะลงมติรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญ หากเวลาน้อยแล้วไปทำประชามติ จะเกิดคำถามเดียวกับความพยายามขอรัฐบาล ในการการทำประชามติเกี่ยวกับ MOU 43 – 44 ที่ประชาชนไม่มีความรู้ และไม่เข้าใจเพียงพอ สุดท้ายการทำประชามติโดยไม่มีข้อมูลเพียงพอให้ประชาชน จะเกิดการลงประชามติด้วยอารมณ์ แทนที่จะลงมติด้วยเหตุผล

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img