นายกรัฐมนตรีเผยสถานการณ์น้ำท่วมพัทลุง-สงขลาหนักสุด พร้อมคาดอาจมีพายุลูกใหญ่ใน 1-2 วันนี้ สั่งตั้งศูนย์อพยพ-เร่งช่วยเหลือทันที ไม่ต้องรอสำรวจครบ ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและนำความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนต่อเนื่อง.
เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 23 พ.ย.68 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่า ขณะนี้มีน้ำท่วมแล้วประมาณ 3 จังหวัด โดยพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคือ จ.พัทลุง และจ.สงขลา ขณะเดียวกันยังมีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะขยายวงไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มเติม โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ซึ่งกำลังประสบปัญหาน้ำท่วมหนักเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและมีปริมาณน้ำหลากจำนวนมาก
นายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันมีรัฐมนตรีหลายคนลงพื้นที่เพื่อร่วมให้การช่วยเหลือ อาทิ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์, นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม และน.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย โดยส่วนตัวเขาเองได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมสั่งให้เตรียมศูนย์อพยพสำหรับรองรับผู้ประสบภัย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ลักษณะภูมิประเทศของภาคใต้แตกต่างจากภูมิภาคอื่น เนื่องจากสามารถระบายน้ำลงทะเลได้เร็ว หากไม่มีฝนเพิ่มเติม สถานการณ์ควรคลี่คลายใน 3–4 วัน ทั้งนี้มีการประเมินว่าอาจมีพายุลูกใหญ่เข้ามาในช่วง 1–2 วันนี้ หลังจากนั้นสถานการณ์จะดีขึ้น โดยได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดสำรวจจำนวนครอบครัวที่ได้รับผลกระทบทันที เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในส่วนเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท รัฐบาลพร้อมจ่ายโดยไม่จำเป็นต้องรอให้การสำรวจเสร็จสิ้น
นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งเร่งด่วนในขณะนี้คือการจัดหาและส่งมอบวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารให้กับประชาชนที่ติดค้าง ทั้งในโรงแรมและในชุมชน รวมถึงผู้เข้าร่วมประชุมสภาหอการค้าที่มีจำนวนหลายพันคน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สอบถามอธิบดีกรมชลประทาน ซึ่งรายงานว่า เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่หนักที่สุด และขณะนี้เริ่มมีการระบายน้ำออกแล้ว ส่วนปริมาณน้ำหลากที่อาจเข้ามาเพิ่มเติม คาดว่าสามารถบริหารจัดการได้หากไม่มีฝนตกเพิ่ม พร้อมระบุว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกัน (23 พ.ย.) อาจต้องลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อประเมินสถานการณ์ด้วยตัวเอง
นายอนุทิน ยังตอบคำถามถึงการปรับปรุงโครงสร้างบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยระบุว่า คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) เป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเล แต่ด้วยปริมาณน้ำที่มากผิดปกติ จึงทำให้ท่วมหนัก ทั้งนี้กรมชลประทานมีแผนปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในระยะยาว ขณะเดียวกันอธิบดีกรมต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่และบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่.
