“เทพไท” แฉเกม “รัฐบาล” ปิดปาก “ฝ่ายค้าน” จ่อยื่นซักฟอกเอง ใช้ ม.165 ปิดกั้นไม่ให้ใช้ ม.151-ม.152 ถือเป็นการพลิกเกม ถือไพ่เหนือกว่า
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ นักวิเคราะห์การเมืองและอดีต สส.นครศรีธรรมราช แสดงความเห็นเรื่อง “ใช้ ม.165 ปิดปากไม่ไว้วางใจ” มีรายละเอียดว่า…“นับตั้งแต่รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้าบริหารประเทศใหม่ ๆ ก็มีกระแสการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสจากพรรคฝ่ายค้าน 2 พรรค คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ประกาศมาโดยตลอดว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ ตามมาตรา 151 แน่นอน ส่วนพรรคประชาชน รอดูสถานการณ์ทางการเมืองว่า รัฐบาลชุดนี้เบี้ยวการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นไปตาม MOA ก็อาจจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ด้วย
จนทำให้นายอนุทินได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ว่า ถ้าหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 รัฐบาลก็จะยุบสภาทันที เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตอบคำถามการอภิปรายให้ดีแค่ไหน หรือให้ดีให้ตาย เมื่อโหวตก็จะแพ้มติในสภา แต่ถ้าหากจะให้มีการอภิปรายให้รัฐบาลมาตอบคำอภิปราย ก็เสนอให้พรรคฝ่ายค้าน ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 152 ซึ่งรัฐบาลก็จะตอบคำอภิปราย จะไม่หนีการอภิปรายอย่างแน่นอน
ล่าสุดมีการยืนยันอีกว่า อาจจะยื่นญัติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันเปิดสมัยประชุมสามัญของสภาผู้แทนราษฎร คือวันที่ 12 ธ.ค.68 ทำให้นายอนุทินส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่า ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเมือง ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ แต่จนบัดนี้ใกล้จะถึงวันที่ 12 ธ.ค.แล้ว รัฐบาลเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 จึงอาจจะทำให้การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะทางพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ต่างมีจุดหมายเดียวกัน คืออยากจะให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ไปก่อน แล้วค่อยยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
จนมีกระแสข่าวจากฝ่ายรัฐบาลออกมาว่า รัฐบาลอาจจะเปิดให้มีการอภิปรายตามมาตรา 165 แห่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมีใจความว่า “ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะฟังความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภา ขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไป ในที่ประชุมร่วมของรัฐสภาก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้”
นั่นก็คือการพลิกเกมของฝ่ายรัฐบาล ต้องการที่จะปิดกั้นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยรัฐบาลเป็นฝ่ายเปิดเกมเอง เล่นเกมนี้เพื่อต้องการไม่ให้มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 และ 152 เพราะ
1.ถ้าหากพรรคฝ่ายค้าน จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ก็จะถูกสังคมตำหนิว่า เป็นการเล่นเกมทางการเมือง หวังกดดันให้รัฐบาลยุบสภา และการอภิปรายทั่วไปก็เพิ่งผ่านพ้นไป ไม่จำเป็นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 อีก และรู้อยู่แล้วว่า ถ้าลงมติรัฐบาลก็จะแพ้มติ และรัฐบาลก็ได้ประกาศแล้วว่า จะยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69 จึงไม่ควรที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 อีก
2.ถ้ามีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 คืออภิปรายแบบไม่ลงมติ ซึ่งก็เป็นรูปแบบการอภิปรายในทำนองเดียวกันกับมาตรา 165 คืออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 อีก
เพราะฉะนั้นเกมนี้ฝ่ายรัฐบาลถือไพ่เหนือกว่า และใช้เกมนี้ปิดปากพรรคฝ่ายค้าน ถ้าหากฝ่ายค้านยังดื้อดึงหรือดึงดันจะยืนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลเปิดอภิปรายตามมาตรา 165 แล้วก็จะถูกสังคมตำหนิว่า เป็นการเล่นเกมการเมือง และเป็นการอภิปรายซ้ำซาก
จึงถือว่าเป็นการปิดเกมฝ่ายค้านของรัฐบาลโดยปริยาย”



















