วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightกกต.ฟัน“ผู้สมัครส.ส.อนาคตใหม่” สั่งดำเนินคดีอาญา“ถือครองหุ้นสื่อ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กกต.ฟัน“ผู้สมัครส.ส.อนาคตใหม่” สั่งดำเนินคดีอาญา“ถือครองหุ้นสื่อ”

“ศรีสุวรรณ” เผย “กกต.” สั่งดำเนินคดีอาญากับ “วีระชน นามประกาย” ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร พรรคอนาคตใหม่ กรณีถือครองหุ้นสื่อ มีโทษโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมฯได้ยื่นร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 เพื่อขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายวีระชน นามประกาย ผู้สมัครส.ส.พรรคอนาคตใหม่ อาจขัดต่อ ม.98(3) แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อในขณะที่ยื่นสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่นั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 18 ก.พ.64 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือถึงสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แจ้งคำวินิจฉัยของ กกต.ที่ 9/2564 กรณีการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 โดย กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่า ให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวีระชน นามประกาย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) และมาตรา 151 กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ในการถือครองหุ้นสื่อ

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า นายวีระชน นามประกาย นั้น กกต. ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า เป็นหุ้นส่วนของ หจก.วชิรวิชญ์ เคเบิ้ลทีวี หจก.สมาร์ท เซอร์วิส เน็ทเวิร์ค และ หจก.นครพนม ทีวี แอนด์ เน็ทเวิร์ค โดยกรณี หจก.นครพนม ทีวี แอนด์ เน็ทเวิร์ค ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏวัตถุประสงค์ในข้อ 23 ว่า ประกอบกิจการส่งเสริมการศึกษา และให้บริการข่าวท้องถิ่นแก่บุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล ส่วนราชการ และองค์การอื่น ๆ ของรัฐฯ (เคเบิ้ลทีวี) โดยเป็นการประกอบกิจการสื่อมวลชนใด ๆ และแม้นายวีระชน จะให้ถ้อยคำว่า หจก.นครพนม ทีวี แอนด์ เน็ทเวิร์ค เลิกกิจการไปแล้วเมื่อประมาณปี 2558 และตนออกจากการเป็นหุ้นส่วนประมาณเดือน ม.ค.2562 โดยอ้างสำเนาหนังสือถอนเงินลงหุ้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2562 ระบุว่า ยอมขาดสิทธิจากการเป็นหุ้นส่วนเป็นหลักฐาน แต่ที่ไม่สามารถจดทะเบียนเลิกห้างได้ เนื่องจากสำนักงาน กสทช. มีหนังสือขอระงับการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี หรือระงับการขีดชื่อนิติบุคคลออกจากทะเบียนนิติบุคคลร้าง

“แต่จากการตรวจสอบแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2559 ยังคงนำส่งงบการเงินรอบปี 2559 โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่านายวีระชน ดำเนินการยื่นขอแก้ไขเพิ่มเติมผู้เป็นหุ้นส่วนต่อนายทะเบียนแต่อย่างใด ประกอบกับนักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ถ้อยคำว่า หจก.นครพนม ทีวี แอนด์ เน็ทเวิร์ค มีสถานะดำเนินกิจการอยู่ ขณะเดียวกันสำนักงาน กสทช. มีหนังสือแจ้งว่า หจก.แห่งนี้เป็นผู้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ และเอกสารของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2562 ระบุว่านายวีระชนยังเป็นหุ้นส่วนของ หจก.แห่งนี้อยู่ กกต.จึงมีมติให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวีระชน นามประกาย ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.98(3) และ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ม.42(3) และ ม.151 ซึ่งมีอัตราโทษโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img