“อดีตกุนซือบิ๊กป้อม” จวกยับ “ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ” ยอมรับความช่วยเหลือวัคซีนจากญี่ปุ่น 1 ล้านโดส แต่รับเงื่อนไข “ไม่ให้ทหารใช้” เย้ยคิดหรือไม่ว่านี่คือวิธีการทดสอบของต่างชาติ อัดแรงไม่มียั้ง “วันๆ สร้างแต่ความอัปยศให้บ้านเมือง”
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.64 นายไพศาล พืชมงคล เลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) แสดงความเห็นว่า “ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ!!!! ที่รับความช่วยเหลือวัคซีนจากต่างชาติเพียง 1 ล้านโดส แต่ต้องยอมรับเงื่อนไขว่าไม่ให้ทหารใช้!!!! คิดบ้างสิว่านี่คือวิธีการทดสอบของต่างชาติว่า “คุณพร้อมจะขายชาติหรือไม่”??? วันๆ สร้างแต่ความอัปยศให้แก่ชาติบ้านเมือง!”
นายไพศาล ยังระบุด้วยว่า เมื่อรัฐบาลฟังเสียงประชาชน รับใช้ประชาชน ประชาชนก็จะยอมรับอำนาจปกครองของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน เอาแต่รับใช้ทุนใหญ่และต่างชาติ ประชาชนก็จะปฏิเสธอำนาจของรัฐบาล และไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาล!!!
สำหรับกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อ ครม. มีมติเห็นชอบการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนการบริจาคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของฝ่ายไทย เพื่อรับมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จากรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 1.05 ล้านโดส โดยสาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระบุให้รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็น ดังนี้
1.นำวัคซีนโควิด-19 ไปใช้อย่างเหมาะสมและเป็นการเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของไทย โดยห้ามใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการทหาร
2.รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ยกเว้นรัฐบาลของทั้งสองประเทศจะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ ซึ่งครั้งนี้ ไทยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งจากญี่ปุ่น ประมาณ 10-99 ล้านเยน หรือ 2.9-28.7 ล้านบาท โดยกระทรวงสาธารณสุข มีงบประมาณรองรับส่วนนี้ไว้แล้ว
3.เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เมื่อได้รับการร้องขอ
4.ไม่ส่งต่อวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคคล หน่วยงาน รัฐบาลอื่น โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นการล่วงหน้า
5.รายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการ ข้อกำหนด และเงื่อนไขเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนจะจัดทำโดยหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐบาลญี่ปุ่น คือ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ และ หน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐบาลไทย คือกระทรวงสาธารณสุข