‘ทรัมป์-อันวาร์’ ต่อสายตรงคุย ‘อนุทิน’ ถกสถานการณ์ขัดแย้งไทย-กัมพูชา นายกฯแสดงจุดยืนของไทยชัดเจน ระบุชัด ‘กัมพูชา’ ละเมิดข้อตกลง ‘ปฏิญญาสันติภาพ’ และเป็น ‘ปฏิปักษ์-เป็นภัยต่อความมั่นคง’ ยืนกรานต้องให้ ‘กัมพูชา’ ยอมรับว่า ไม่ปฏิบัติตามและละเมิดข้อตกลงจริง พร้อม ‘ขอโทษ’ คนไทย ลั่นเดินหน้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อ
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยข้อความทางเฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul ระบุว่า…“เมื่อคืนนี้ผมได้รับโทรศัพท์จากนายกรัฐมนตรี ‘อันวาร์ อิบราฮิม’ แห่งมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘นายโดนัลด์ ทรั้มป์’ ซึ่งทั้งสองท่านได้พูดคุยหารือกับผม เกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลไทยยังคงดำรงเป้าหมายการสร้างสันติภาพ ตามแนวทางที่ได้ลงนามในปฎิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ต่อไป และผมก็ได้แสดงจุดยืนของรัฐบาลไทย ซึ่งพอสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้
1.ผมได้ขอบคุณทุกคำแนะนำและรับฟังความเห็นของผู้นำทั้งสองท่าน ในฐานะที่เป็นพยานในปฏิญญาดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาร่วมกันกับข้อมูลที่หน่วยงานความมั่นคงของไทยมีอยู่ ในการไปดำเนินการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติม จากการเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและละเมิดเงื่อนไขที่ระบุไว้ในปฏิญญา
2.ผมได้แจ้งให้พยานทั้งสองท่านทราบว่า ผู้ร่วมสังเกตการณ์จากหลายประเทศ ได้เข้าไปทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ยืนยันว่า ทุ่นระเบิดทั้งสี่ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดใหม่ ที่มีการลักลอบเข้ามาวางในเขตพื้นที่ของไทยหลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามในปฏิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 แล้ว
3.ผมได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะระงับการดำเนินการภายใต้เนื้อหาที่ระบุไว้ในปฏิญญา จนกว่ากัมพูชาจะยอมรับว่าตนมิได้ปฏิบัติตามและได้ละเมิดเงื่อนไขดังกล่าว และต้องมีคำแถลงขอโทษต่อประชาชนชาวไทยในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูมะเขือ ซึ่งได้ทำให้ทหารของไทยได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะ
4.ผมได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยทรงไว้ซึ่งสิทธิและมีอำนาจที่จะดำเนินการใด ๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่พึงจะกระทำเพื่อปกป้องประเทศและประชาชนให้พ้นจากภัยคุกคามของต่างชาติ
5.ผมได้เรียกร้องให้ผู้นำของทั้งสองประเทศ ในฐานะที่เป็นสักขีพยานในปฏิญญาดังกล่าว ให้ทำการแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้เคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด และมีความจริงใจต่อประเทศทั้งสี่ที่ได้ร่วมกันลงนามในปฏิญญาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้ขอให้ผู้นำทั้งสองรัฐ ได้เน้นย้ำต่อผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่า จะต้องไม่มีการขัดขวางใด ๆ ของฝ่ายกัมพูชาต่อการเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่ฝ่ายกองทัพไทยเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้มีการกำหนดพิกัดและพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
6.ผมได้แจ้งต่อท่าน ปธน.สหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่าการที่กัมพูชาไม่เคารพต่อปฏิญญาและไม่ยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต้องสูญเสียอวัยวะในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนชาวไทยหมดความมั่นใจและความเชื่อถือต่อรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งจะยังผลให้การดำเนินการที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง


7.ผมได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกชาติ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อไปกับเพื่อนบ้านที่ไม่มีความจริงใจและคอยคุกคามอธิปไตยของไทยอยู่ตลอดเวลา
8.ผู้นำทั้งสองท่านได้รับทราบจากผมว่า รัฐบาลไทยและพี่น้องประชาชนชาวไทย มีความเสียใจและผิดหวังต่อเหตุร้ายแรงที่ได้เกิดขึ้น เพราะว่าในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยก็เคยให้ความช่วยเหลือ ให้ที่พักพิงแก่ผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวกัมพูชาด้วยความปรารถนาดีและด้วยความมีมนุษยธรรม จึงไม่คาดคิดว่า รัฐบาลกัมพูชาจะกระทำตนเป็นปฏิปักษ์และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย และยังได้ทำร้ายคนไทยได้ถึงระดับนี้
9.ผมได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยไม่เคยมีเจตนารุกรานกัมพูชา แต่มีความพร้อมที่จะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ และเพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในทุกวิถีทาง
10.ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ถามผมว่า เรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยและสหรัฐ มีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งผมได้เรียนท่านไปว่า อยากจะขอให้ท่านได้ลดอัตราภาษีให้กับประเทศไทยมากกว่านี้ ซึ่งท่านได้ตอบมาอย่างอารมณ์ดีว่า ในอัตรา 19% ที่ไทยได้รับ ถือว่าต่ำมากนะ ผมก็ได้พูดกับท่านว่า หากต่ำจริง ผมคงไม่เดินไปขอท่านที่เกาหลีใต้ให้ลดลงอีก เพราะประเทศไทยก็ได้ให้ความร่วมมือในทุก ๆ ด้านกับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี ขอให้ท่านได้ให้หน้าผมบ้าง ท่านได้ตอบกลับมาว่า ท่านจะไปคุยกับทางกัมพูชา ซึ่งหากกัมพูชาไม่ขัดขวางการถอนทุ่นระเบิดของไทย แล้วฝ่ายไทยสามารถดำเนินการเร่งถอนทุ่นระเบิดได้อย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะพิจารณาให้มีการปรับลดภาษีให้มากกว่านี้ ท่านพูดกลับมาในท่วงทำนองเท่าที่ผมจำได้ว่า “If you do the demining works quickly, I’ll consider chopping more percentage for you.” อาจจะไม่ตรงทุกคำศัพท์ แต่ก็อยู่ในโทนนี้ครับ
11.ท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็บอกว่า จะเร่งทำเอกสารในนามประธาน ASEAN เพื่อย้ำความเข้าใจและให้ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในปฏิญญาอย่างเคร่งครัดต่อไป
ก่อนวางสาย ทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ขอให้ผมส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งผมได้กล่าวขอบคุณทั้งสองท่านไปในขณะเดียวกัน
ผมกราบขออภัยพี่น้องประชาชนที่อาจจะส่งข้อความนี้ล่าช้าไปเล็กน้อย เนื่องจากกำลังปฎิบัติภารกิจที่สำคัญยิ่งที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน”






































