วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightบก.เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง ดีเดย์ 15 ม.ค. 64
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

บก.เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง ดีเดย์ 15 ม.ค. 64

“กรมบัญชีกลาง” เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างสมเหตุผล สอดคล้องกับวิวัฒนาการทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 11 ม.ค.64 นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางร่วมกับสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย พิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินชนิดรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก และผู้ป่วยโรคเพมฟิกัส ซึ่งเป็นผู้ป่วยในกลุ่มโรคผิวหนังเรื้อรัง เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลที่จำเป็นมากขึ้น

จึงยกเลิกหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินชนิดรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก และกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง (Dermatology Disease Prior Authorization :DDPA) ขึ้นใหม่ โดยผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัว สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่ต้องทดรองจ่ายเงินไปก่อน ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.รายการยา Infliximab Secukinumab และ Etanercept สำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน

2.รายการยา Rituximab สำหรับผู้ป่วยโรคเพมฟิกัส (Pemphigus)

3.แพทย์ผู้ทำการรักษาหากมีแผนการใช้ยาดังกล่าวให้ดำเนินการลงทะเบียนแพทย์ผู้รักษา ผู้ป่วยและส่งข้อมูลตามโปรโตคอลที่กำหนดในระบบ DDPA เพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายค่ายา หรือขอต่ออายุการเบิกจ่ายค่ายา หรือขอหยุดการใช้ยา

4.สำหรับผู้ป่วยรายเดิมที่ได้รับการอนุมัติการใช้ยา Etanercept หรือ Infliximab สามารถใช้ยาดังกล่าวได้จนกว่าจะหยุดการรักษา

“เนื่องจากองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และมีรายการยาชีววัตถุหรือยาสังเคราะห์มุ่งเป้าที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยในกลุ่มโรคผิวหนังเรื้อรังที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยกรมบัญชีกลางและสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จะร่วมกันพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างสมเหตุผล สอดคล้องกับวิวัฒนาการทางการแพทย์ และเกิดประโยชน์ต่อผู้สิทธิหรือบุคคลในครอบครัวต่อไป” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img