รัฐบาลยินดีปรับปรุงรถไฟ“KIHA 183” โฉมใหม่สำเร็จ ทดลองเดินรถครั้งแรกเรียบร้อย ปลื้มประหยัดงบมหาศาล ได้ใช้ไวไม่ต้องรอสั่งซื้อ ชี้กาลเวลาพิสูจน์รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มุ่งเน้นประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย รับมอบรถดีเซลรางปรับอากาศ รุ่น KIHA 183 จากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR HOKKAIDO) ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 17 คัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มาดัดแปลงปรับปรุงให้เหมาะสมสำหรับให้บริการแก่ประชาชน และส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยได้รับมอบรถมาตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2564 นั้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ล่าสุด การรถไฟฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงรถดีเซลรางปรับอากาศ รุ่น KIHA 183 เสร็จสมบูรณ์แล้ว 3 คัน พร้อมกับได้นำมาเปิดทดลองเดินรถจากเส้นทางสถานีมักกะสัน – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกใน วันที่ 6 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากนี้จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อกำหนดเส้นทางก่อนให้บริการ ในปลายปี 2565 ส่วนคันที่เหลือจะเร่งปรับปรุง โดยช่างโรงงานมักกะสัน ที่มีอยู่แล้ว เช่น วิศกร ช่างบำรุง และอื่นๆ ที่ต้องทำงานการรถไฟด้านนี้อยู่เป็นประจำ เหมือนเดิม โดยมีเป้าหมายเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2566 นี้
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลมีความยินดีที่การดำเนินการปรับปรุงรถไฟเป็นผลสำเร็จ มีสมรรถนะ ความพร้อม ความสะอาด ความสะดวกและความปลอดภัยเพียงพอที่จะให้บริการพี่น้องประชาชน โดยสามารถประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมากกว่าการจัดซื้อใหม่ ซึ่งรถไฟดังกล่าวจะนำมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
“ที่ผ่านมาหลายท่านอาจเคยเข้าใจคลาดเคลื่อนในช่วงที่รัฐบาลรับรถไฟมาจากญี่ปุ่นเมื่อปี 64 ที่สังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตัดสินใจของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นเศษเหล็กบ้าง รางวิ่งไม่ได้กับไทยบ้าง สนิมเขรอะบ้าง เปลืองงบขนส่งบ้าง และไม่คุ้มค่าซ่อมบ้าง แต่กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลที่ถูกต้อง ที่มุ่งเน้นประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ทั้งลดต้นทุนสั่งซื้อใหม่ ลดเวลาการรอสั่งซื้อ ได้ใช้งานไวขึ้น ที่สำคัญได้เห็นแล้วว่าช่างรถไฟไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก ”น.ส.ทิพานัน กล่าว