วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSเรื่องดีระหว่างพุทธไทย-ศรีลังกา“กำลังจะเกิด”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เรื่องดีระหว่างพุทธไทย-ศรีลังกา“กำลังจะเกิด”

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำถามตามโซเซียลต่าง ๆ มาบ้างว่า “วิกฤติประเทศศรีลังกา” ที่ส่งผลกระทบต่อ “การเป็นอยู่ของคณะสงฆ์” และ “ชาวพุทธ” ในฐานะ “กัลยาณมิตร” มาอันยาวนานของประเทศไทย มหาเถรสมาคม ชาวพุทธไทย รวมทั้ง คณะสงฆ์ไทย เอื้อไมตรีจิตคิด..ช่วยอะไรบ้าง

การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองของศรีลังกาครั้งนี้ ทำให้ประชาชน 22 ล้านคนในประเทศประสบปัญหาขาดแคลนสิ่งของจำเป็น เช่น ยา เชื้อเพลิง และอาหาร ส่งผลกระทบต่อพระภิกษุ-สามเณรทุกหย่อมหญ้า

กรณีคล้ายกันนี้แม้แต่ประเทศเมียนมา ปัจจุบันสำนักเรียนต่าง ๆ ใน “กรุงย่างกุ้ง” พระภิกษุ-สามเณรก็หนีกลับสู่ถิ่นกำเนิดกันหมด “วัดแทบร้าง” เพราะในกรุงย่างกุ้ง พระบิณฑบาตไม่ได้ น้ำมันขาดแคลน ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ซ้ำมีเหตุ “ระเบิด” แทบทุกวัน

ชาวบ้านอยู่ไม่ได้..พระภิกษุสามเณรก็ “อยู่ไม่ได้” เช่นกัน

“เปรียญสิบ” ทราบจากผู้บริหาร “มจร” รูปหนึ่งว่า เร็ว ๆ นี้คณะสงฆ์ศรีลังกาและคณะสงฆ์ไทย กำลังจะดำเนินการโครงการ “พุทธช่วยพุทธ” ร่วมกันระหว่างประเทศไทย และประเทศศรีลังกา โดยอัญเชิญ “พระธาตุเขี้ยวแก้ว” และพระไตรปิฎกมาประดิษฐานในวัดมีชื่อเสียงและส่งต่อไปยังวัดในภูมิภาคต่าง ๆ ภายในประเทศไทย โดยให้ประชาชนทั่วไปเข้ามากราบไหว้ จากนั้นจะมีเปิดรับบริจาคเงิน ซึ่งเงินที่ได้รับจากการบริจาคนั้น จะถูกส่งต่อไปให้กับชาวศรีลังกาต่อไปตั้งเป้าไว้ 6 เดือน 100 ล้านบาท

ความจริง!! การช่วยเหลือชาวพุทธศรีลังกา คณะสงฆ์ไทยในฐานะ “พี่ใหญ่” ในหมู่ประเทศชาวพุทธ เคยแสดง “กุศลไมตรีจิต” พรหมวิหารมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์”เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในฐานะประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ พร้อมด้วย พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา และ พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตไทย สายอินเดีย-เนปาล เดินทางไปมอบเงินให้ประเทศศรีลังกา ผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร  แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่า มอบเงินให้ไปเท่าไรและไปทำอะไรบ้าง!!

“เปรียญสิบ” เคยเดินทางและศึกษาดูงานการศึกษาของคณะสงฆ์ในกลุ่มประเทศกลุ่มอาเซียนหลายประเทศ ไม่มีประเทศใดที่ทั้งการปกครอง การศึกษาและสาธารณสงเคราะห์ ล้ำหน้าหรือก้าวหน้ากว่า “คณะสงฆ์ไทย” และในฐานะคนมอญไทย พยายามเชิญชวนชักจูงคณะสงฆ์มอญในประเทศเมียนมา ทั้ง “รามัญนิกายและรามัญธรรมยุติ” ให้เชื่อมกับคณะสงฆ์ไทยผ่าน “มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย-มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย” หลายครั้ง บางรูปบางคนนึกว่า “เปรียญสิบ” ได้เงินจากสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำไป ทั้ง ๆ ที่งานเหล่านี้ทำด้วย “จิตอาสา” อยากช่วยให้คณะสงฆ์มอญในฐานะชนชาติเก่าแก่..ฟื้นฟูทันโลกมากขึ้น เชื่อมโยงกับนานาชาติเป็น

เพราะเชื่อใน “ปัญญาน้อย ๆ” ของตนว่า พระสงฆ์ไม่ว่าจะเป็นชาติใดหรือนิกายใด หากร่วมมือกัน เชื่อมโยงแบ่งปันกัน..คณะสงฆ์มีความรู้และเผยแผ่ศาสนาได้ดี พระพุทธศาสนาในโลกนี้ก็จะเข้มแข็งและมั่งคง!!

สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ยุคนี้ “เปรียญสิบ” มักพูดเสมอว่า คณะสงฆ์ไทยต้องใจกว้างและก้าวข้ามความเป็นชาตินิยมและนิกาย แม้แต่โครงการ “พุทธช่วยพุทธ” ระหว่างประเทศไทย และประเทศศรีลังกาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ก็เช่นกัน คณะสงฆ์ไทยต้องถอดสมณศักดิ์ ตำแหน่งทางปกครองออก แล้วยื่นมือในฐานะพระภิกษุมีวินัย 227 ข้อร่วมกัน ในฐานะ “พี่น้อง” ภายใต้พระธรรมวินัยที่มี “พระบิดร” คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าร่วมกัน

มันจึงจะได้ใจ..และได้เพื่อน ได้ความเป็นพี่และน้องและได้กำลังใจในการทำงานพระพุทธศาสนาด้วยกัน

หวังว่าโครงการ “พุทธช่วยพุทธ” ระหว่างประเทศไทยและประเทศศรีลังกา ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ จะผ่านไปด้วยความราบรื่นและเป็นไปตามวัตถุประสงค์

สำหรับพวกเราในฐานะชาวพุทธอย่างน้อยได้กราบ “พระธาตุเขี้ยวแก้ว” โดยไม่ต้องเดินทางไปประเทศศรีลังกา และซ้ำได้ช่วยเหลือเพื่อนชาวพุทธและมนุษย์ด้วยกันอีกทาง!!

…………………………….

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย….“เปรียญสิบ” : [email protected]

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img