“ปานเทพ” สู้ลั่นไม่ถอนร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ยันกมธ.ทำรอบคอบรัดกุม แฉ กมธ.ปชป.ชงจัดฟูลมูนปาร์ตี้ เหน็บกลับ วันนี้ร่างกม.ไม่สมบูรณ์ พร้อมงัดมติเอกฉันท์ถอนกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5
วันที่ 14 ก.ย.65 ที่รัฐสภา นายปานเทพ พัวพงพันธ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง(พ.ร.บ. กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. … แถลงสืบเนื่องจากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย แสดงความไม่เห็นด้วยต่อร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ ในวานะ 2 โดยให้ถอนร่างดังกล่าวออกเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข ว่า สิ่งที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.65 รัฐบาลออกประกาศจำนวนมาก เพื่อคุ้มครองสังคมช่วงที่รอกฎหมาย แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่มีความรัดกุมรอบคอบ ทั้งนี้ หากร่างฉบับนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบ ฝ่ายการเมืองต้องคำนึงว่าสถานการณ์เดิม คือสุญญากาศทางข้อกฎหมายจะยังดำรงอยู่ต่อไป สิ่งที่เรามีข้อสังเกต คือ การที่กัญชาถูกกำหนดให้ออกจากบัญชียาเสพติด เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาตรา 29 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งไม่ปรากฎรายชื่อกัญชาในบัญชียาเสพติดประเภท 5 อีกต่อไป ซึ่งการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งนั้น ไม่ปรากฎว่ามีการขอแก้ไขมาตรา 29 ทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ต่อมาวันที่ 24 ส.ค.64 ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ลงมติเห็นชอบประมวลกฎหมายยาเสพติด ฉบับใหม่ ด้วยคะแนน 467 เสียง เป็นเอกฉันท์ โดยไม่มีส.ส.ทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ออกเสียงคัดค้านประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ไม่มีกัญชาแม้แต่คนเดียว แปลว่าท่านมีส่วนร่วมอย่างยิ่งในการนำกัญชาออกจากยาเสพติด
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ภายใต้ผู้แทนปวงชนชาวไทยที่ลงมติไปแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.64 ให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ปรากฎว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ต้องดำเนินการตามความเห็นของสมาชิกรัฐสภา จึงลงมติเห็นชอบตามคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อวันที่ 8 ก.พ.65 และให้มีผลบังคับใช้วันที่ 9 มิ.ย.65 นอกจากนี้ ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.65 และสภาฯมีมติรับหลักการวันที่ 8 มิ.ย.65 ผลการลงมติปรากฎว่าเสียงข้างมากในสภา เห็นชอบมากกว่า 273 เสียง และเสียงข้างมากทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เห็นชอบด้วยในการรับหลักการของกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งวาระรับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้มีเพียง 45 มาตรา ยังได้รับความเห็นชอบเกือบเป็นเอกฉันท์ แต่เมื่อมีการปรับปรุงแก้ไขจากคณะกมธ.ฯ ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นเพื่อความรัดกุมเป็น 95 มาตรา ซึ่งล้วนแต่มีบทบัญญัติควบคุมสังคม เยาวชน สถานที่ขาย และวิธีการใช้ เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้หละหลวมตามที่เป็นห่วง
“ถ้าย้อนกลับไปวันที่ประชุมคณะกมธ.ฯนัดแรก พรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่ากลัวกฎหมายจะไม่รอบคอบรัดกุม แต่ผู้แทนของพรรคประชาธิปัตย์กลับเป็นผู้เสนอฟูลมูนปาร์ตี้ในเกาะแห่งหนึ่งเสียเอง อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่มีการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนทางการแพทย์ และกลุ่มทุนผูกขาด เราจึงสำรวจจนได้ออกมาว่าให้ปลูกได้ครอบครัวละไม่เกิน 15 ต้น ฉะนั้น เราเห็นว่าสิ่งทาท่านแถลงขัดแย้งกับสิ่งที่ท่านลงมติ และสิ่งที่เราเสนอวันนี้รัดกุมรอบคอบกว่าที่ท่านลงมติรับหลักการเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.65 อย่างชัดเจน พร้อมยืนยันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่มีทางจะปล่อยให้กัญชาเป็นยาเสพติด เพราะรัฐสภาเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์เอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ควรสำรวจตัวเองว่ามีส.ส.กี่คนที่ลงทุนทำธุรกิจกัญชา กัญชง อยู่ในขณะนี้ ส่วนพรรคเพื่อไทยเองมีกี่คนที่ปลูกกัญชา กัญชง ในขณะนี้เพื่อรอธุรกิจของตัวเอง เราไม่มีวันถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกจากสภาฯ แต่จะเอาเข้าสู่สภา และให้ประชาชนตัดสินว่า ผู้แทนของท่านกำลังเล่นการเมืองหรือยึดประโยชน์ประชาชนชอย่างแท้จริง ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมากในฐานะกมธ. ที่ทุกคนได้ทุ่มเท และรู้สึกว่าพรรคการเมืองเล่นการเมืองมากเกินไป เกินกว่าจะยึดถือประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง” นายปานเทพ กล่าว