มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ 3.1% แม้ทั่วโลกเผชิญจีดีพีชะลอตัวแต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หวังท่องเที่ยว-ส่งออกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ 3.1% อยู่ในกรอบ 3-3.5% ซึ่งในไตรมาสที่สี่ถือว่าเป็นช่วงสุดท้ายของปี โดยเห็นด้วยกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการตรึงราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางธุรกิจวัตถุดิบและค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ในไตรมาสสุดท้ายเพื่อให้เศรษฐกิจทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับเศรษฐกิจโลกเริ่มมีภาวะชะลอตัวแต่ยังไม่ถดถอย และอาจมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกทำให้กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าส่งออกทั้งปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4% ขณะที่การนำเข้า มีต้นทุนที่สูงขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินบาท และราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยยังมีข้อได้เปรียบจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในปีนี้ประมาณ 10 ล้านคนซึ่งจะเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าจะปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปและจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 1.25 % ในสิ้นปีนี้ ขณะที่การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น แม้จะเป็นต้นทุนต่อการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ไม่ใช่เป็นเหตุให้ภาคอุตสาหกรรมปรับลดแรงงานให้น้อยลง โดยกว่า 80 % เห็นว่า จะไม่มีการปรับลดคนงานออกจากงาน หลังค่าแรงขั้นต่ำขึ้น
” ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากปัญหาสงครามรัสเซียและยูเครน ทำให้เจอปัญหาด้านอัตราเงินเฟ้อสูง หลายประเทศออกมาตรการด้านปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงไทยด้วย ดังนั้น สิ่งที่ต้องติดตามในหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจต่างๆมากน้อยแค่ไหน”