“สุเทพ”เปิดใจขณะเดินทางมารับฟังคำพิพากษา ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพัก ลั่นเป็นแพะมาตลอด 10 ปี ถ้าวันนี้ศาลพิพากษายกโทษไม่ลงโทษตน ก็ถือว่าได้เกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับคืนมา
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.65 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมารับฟังคำพิพากษา ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ประกอบด้วย เทือกสุบรรณ นายสุเทพ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พักแฟลตตำรวจ ท่ามกลางบรรยากาศแฟนคลับส่วนหนึ่งที่เดินทางมาให้กำลังใจและบรรดากองทัพสื่อมวลชนที่มารอปักหลักทำข่าวเป็นจำนวนมาก
นายสุเทพ เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า วันนี้เป็นวันสำคัญมากสำหรับชีวิตของตน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในกรณีของการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ซึ่งการกล่าวหาตนเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่มีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เริ่มต้นด้วยประเด็นที่คู่แข่งทางการเมืองยกขึ้นมาโจมตี เพราะว่าในขณะนั้นสถานีตำรวจที่ประมูลไปแล้วสร้างไม่เสร็จ เลยเอาตนมาเป็นแพะ ส่วนคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนหนึ่งก็คือคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมาแถลงข่าวดำเนินคดีว่าตนมีการฮั้วประมูล ซึ่งขณะนี้ก็ถูกจำคุกลงโทษไปแล้ว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น ป.ป.ช. ก็ได้รับเรื่องต่อจากคุณธาริตมาดำเนินการ เฉพาะการสอบสวนของป.ป.ช. ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 7 ปี พอสอบสวนเสร็จก็ส่งสำนวนไปให้อัยการเพื่อฟ้องคดี แต่อัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนเนื่องจากความเห็นของอัยการคือตนไม่มีความผิด หลังจากมีการใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีอัยการสูงสุดก็ได้มีการส่งสำนวคืนให้ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ดำเนินการฟ้องเอง อย่างไรก็ตาม ตนได้ต่อสู้คดีด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง ทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคลและตัวบทกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ได้มีการกล่าวหา ส่วนศาลจะพิพากษาอย่างไรตนก็เคารพศาล ตนเห็นว่าในบรรดาอำนาจอธิปไตย ทั้งอำนาจศาล อำนาจตุลาการ ถือเป็นหลักของบ้านเมือง เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อยู่เสมอ
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็พร้อมน้อมรับแล้วก็ถือว่าได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่แล้ว และตนมั่นใจว่าที่ผ่านมาได้ทำคุณงามความดีให้กับบ้านเมืองและส่วนรวมอย่างเต็มที่แล้ว สำหรับข้อกล่าวหาที่บอกว่าตนทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักนั้น ถือเป็นตาบาปที่ติดตัวมาหลายปี รวม 10 ปี ตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งถ้าวันนี้ศาลพิพากษายกโทษไม่ลงโทษตน ก็ถือว่าได้เกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับคืนมา ถ้าโชคร้ายศาลสั่งลงโทษ ตนก็ต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมต่อไป มาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด ก็รู้สึกสบายใจขึ้น ซึ่งคดีนี้ตนว่าความเอง ซักพยานเอง เชื่อมั่นในความจริงและพยานหลักฐาน
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า หากผ่านกระบวนการยุติธรรมแล้วผลไม่เป็นคุณ ก็จะถือเป็นการปิดฉากทางการเมืองของตัวเองแล้ว เพราะตนไม่มีหลักฐานอะไรที่ใหม่กว่านี้แล้ว เนื่องจากได้นำเสนอครบถ้วนแล้ว คิดว่าควรจะจบวันนี้ ทั้งนี้ ตนยังเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่ได้เสนอไป และขอบคุณพี่น้องที่เป็นกำลังใจให้ตนมาเสมอ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า จำเลยที่ 1-6 ได้เดินทางมาเข้าฟังคำพิพากษาครบทุกคน แต่มีเพียงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้าศาลเท่านั้น และในเวลา 09.00 น. นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร65 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนางทยา ทีปสุวรรณ รวมถึงนายชาญวิทย์ วิภูศิริ ร่วมเดินทางมาให้กำลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณและพวก โดยนายสกลธี กล่าวสั้นๆว่า วันนี้มาให้กำลังใจนายสุเทพและพวก ส่วนคำพิพากษาจะมีผลเป็นคุณหรือโทษ ให้เป็นอำนาจของศาล