“อนุทิน”ยันสธ.ระบบดีไม่เกี่ยวกับนักการเมือง “หญิงหน่อย” อย่าเคลม 30 บาท ชี้ วันนี้ครอบคลุมการรักษามากขึ้น ไม่เคยทิ้งการป้องกันโรค
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ตอบคำถามผู้สื่อข่าวผ่านวิดีโอคอลถึงกรณี ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ ให้ข่าวว่าผิดหวังระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ถูกนำมาทำต่อแบบผิดๆ ใช้หาเสียงเการเมือง ชี้ถ้าบริหารจัดการดี จะไม่ต้องให้ใครมาวิ่งมาว่ายน้ำรับบริจาค ว่า อย่าเอามาเคลมเลย อะไรที่ดีกับประชาชนก็ทำกันเถิด เรื่องโครงการ 30 บาทเป็นโครงการที่ดี แต่ 30 บาทในวันนั้น กับ 30 บาทในวันนี้ บริบทแตกต่างกัน โดย 30 บาทในวันนั้นก็ช่วยเหลือประชาชนในการรักษาโรค แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุมทุกการรักษา ซึ่งเราก็พยายามในการพัฒนามาตลอดจน 30 บาทในวันนี้มีความครอบคลุมการรักษาโรคที่มากขึ้น ขณะที่การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานสุขภาพก็ทำมาตลอด
นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการบริจาคไม่ว่าจะรูปแบบใดก็เป็นเหมือนน้ำใจของประชาชน เป็นความตั้งใจบริจาค หรือการให้เพื่อเสริมสิ่งที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี หรือมีจุดเสียอย่างไร การวิจารณ์คนทำดี ก็ใจไม้ไส้ระกำ อีกหน่อยคนเราจะเย็นชาต่อการช่วยเหลือผู้อื่น แทนที่จะช่วยกันส่งเสริมให้คนทำความดี ผู้ให้ย่อมเหนือกว่าผู้รับ ฉะนั้น เรื่องนี้ถ้าถาม รมว.สาธารณสุข คนตั้งใจจะทำความดี นำปัจจัยมาเสริมให้ รพ. ตามความเหมาะสมก็จะเกิดประโยชน์กับคนในพื้นที่ ตน ตนวิจารณ์อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น นอกจากชื่นชมและสนับสนุนให้มีการช่วยเหลือ แต่ไม่ได้หมายความว่า ขาดแคลนหรือบริหารทรัพยากรไม่ได้
เมื่อถามว่ามีการบริหารผิดพลาดใช้งบเพื่อรักษามากกว่าส่งเสริมป้องกันโรค ทำให้คนไม่ดูแลสุขภาพ มีงบเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถามว่าระบบ 30 บาทรักษาทุกโรคเคยมีปัญหาหรือไม่ เคยมีใครไปรพ.แล้วใช้ไม่ได้หรือไม่ และถ้าหากงบฯ ไม่พอ จะสามารถนำมารักษาทุกโรคเพิ่มขึ้นทุกปีได้หรือไม่ อย่างตอนนี้มีการเพิ่มบริการฟอกไตฟรี เพิ่มการรักษาโรคต่างๆ ได้ มีการจัดหาวัคซีนโดยไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันก็ทำเรื่องการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดยจัดให้มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นหมอคนแรกในโครงการ 3 หมอ เพิ่มความรู้ให้คนใส่ใจสุขภาพมากกว่าซ่อมสุขภาพ
“ตอนนี้ ผลงานรัฐบาลส่วนใหญ่มาจากงานสาธารณสุข ใคร ๆ ก็อยากมีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้ได้พูด แต่ทั้งหมดไม่ได้เกิดจากฝีมือนักการเมือง ไม่มีปัญญามาหาเสียงกับระบบสาธารณสุขไทยได้ เพราะระบบเข้มแข็งอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ บุคลากรมีประสบการณ์ มีความสามารถ มีความคิดริเริ่มทำสิ่งต่างๆ ที่มีประโยชน์กับสุขภาพประชาชน รมว.มีหน้าที่ฟัง ถ้าเข้าท่า ก็สนับสนุนให้เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เหมือน รมว.คนนี้ ไม่ต้องไปแย่งแสงจากแพทย์” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามต่อว่าหลายฝ่ายมองว่า 30 บาททำให้คนไม่ดูแลสุขภาพแล้วมาหาหมอมากขึ้น เพิ่มภาระงานให้กับ รพ.มากขึ้น มีปัญหาชั่วโมงการทำงานของแพทย์ ทาง สธ.จะมีนโยบายช่วยเหลืออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ทาง สธ.ก็มีนโยบาย 3 หมอ ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของแพทย์ ในการคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น มี นโยบายโทรเวช (Telemedicine) และนโยบาย Big Data ที่ทำให้การกระจายผู้ป่วยสามารถลงไปในระดับ รพ. ซึ่งไม่ได้เน้นแต่ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปได้ และนโยบาย 3 หมอจะลดภาระของผู้ให้บริการ เพราะจะมีการคัดกรองจำนวนผู้ป่วยแต่ละระดับชั้น นอกจากนี้เมื่อมีช่วงที่ต้องทำงานหนักรัฐก็จัดสรรงบฯ ดูแล ค่าเวร ค่าป่วยการ ค่าเสี่ยงภัย เช่น ช่วงโควิดก็จัดให้จนถึงประกาศยกเลิกโควิดเป็นโรคติดต่ออันตรายเมื่อเดือน ก.ย. เป็นไปตามภารกิจ ไม่ใช่ว่าเราไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยของบุคลากร
เมื่อถามว่าแพทย์ส่วนหนึ่งระบุว่าอย่าใช้คำว่าแพทย์ต้องเสียสละ เพราะทำงานมากก็เหนื่อย ส่งผลสุขภาพตนเองและประชาชน นายอนุทิน กล่าวว่า เทียบกับผู้ใช้แรงงานไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าแพทย์ต้องเสียสละหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เขาเสียสละอยู่แล้ว คนมาทำงานกระทรวงสาธารณสุข มีโอกาสไปหารายได้ทางภาคเอกชนยังไม่ไป แสดงว่ามีความเสียสละเป็นทุนอยู่แล้ว เขาก็มีชมรมวิชาชีพต่างๆ ให้ว่ามา ตรงนี้เป็นเรื่องที่ปลัด สธ.ต้องดูแลลูกน้องตนเอ