ปตท.สผ.คาดปริมาณขายเฉลี่ย Q4/65 โตต่อเนื่องจากเร่งผลิต-เริ่มขายน้ำมันโครงการ HBR
นางอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการขายเฉลี่ยในไตรมาส 4/65 จะปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 ที่ทำได้ 478,323 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเร่งการผลิตของโครงการต่างๆ ในอ่าวไทย เช่น โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ เป็นต้น ขณะเดียวกันก็จะมีการเริ่มขายน้ำมันของโครงการฮาสสิ เบอร์ราเคซ (HBR) ในประเทศแอลจีเรียด้วย
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4/65 แม้จะปรับตัวลง หลังจากสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นจากราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต่างปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และส่งผลเชิงลบต่อเนื่องไปถึงอุปสงค์น้ำมันดิบ สภาวะโดยรวมของตลาด และราคาน้ำมันไปจนถึงสิ้นปี 65
ขณะที่ทางประเทศกลุ่ม OPEC+ นำโดยซาอุดิอาระเบียได้ประกาศความพร้อมที่จะเข้ามามีบทบาทในการควบคุมเสถียรภาพของราคาน้ำมัน จึงมีโอกาสสูงที่ทางกลุ่ม OPEC+ จะยังคงปริมาณการผลิตในระดับ 39 ล้านบาร์เรลต่อวันไว้ต่อไป หรืออาจลดกำลังการผลิตลง 1 ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันหากจำเป็น ทำให้คาดการณ์ตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 4/65 น่าจะมีอุปทานส่วนเกินเพียงเล็กน้อยและราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวยังคงปรับตัวสูงขึ้น จากการปรับราคาย้อนหลังของราคาก๊าซธรรมชาติ 6-12 เดือน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อความผันผวนของราคา Asian Spot LNG ในไตรมาส 4 ประกอบกับความต้องการก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวในภูมิภาคยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้คาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยปี 65 จะอยู่ที่ประมาณ 6.3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
สำหรับปริมาณการขายเฉลี่ยทั้งปี 65 คาดว่าจะอยู่ที่ 468,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เติบโตจากปี 64 จากการเข้าเป็นผู้ดำเนินการและการเริ่มผลิตปิโตรเลียมของโครงการจี 1/61 (เอราวัณ) และการเริ่มผลิตน้ำมันของโครงการ แอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ราเคซ รวมถึงยังมีการรับรู้ยอดขายเต็มปีเป็นปีแรกของโครงการมาเลเซีย แปลงเอช และโครงการโอมาน แปลง 61
นอกจากนี้ต้นทุนต่อหน่วย คาดจะอยู่ที่ 29-30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ทำให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ หรือ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา ต่อรายได้จากการขายรวมรายได้จากการบริการค่าผ่านท่อ (EBITDA Margin) จะอยู่ในช่วง 70-75% ตามที่คาดการณ์ไว้