“โจ ไบเดน” ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความอบอุ่นของบรรดาผู้นำประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯเอง
แม้พิธีสาบานตนในครั้งนี้ จะมีจำนวนคนไม่มาก ไม่ทะลักทลายเหมือนทุกครั้ง ด้วยสภาพการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่การใช้ธงชาติสหรัฐจำนวนมากปลิวสะบัด ก็ทำให้พิธีสาบานตนครั้งนี้ดูยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้าสมัยอื่นเช่นกัน
บรรดาหลายๆ ประเทศได้ส่งสัญญาณความหวัง สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วในทำเนียบขาว โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการกำกับดูแลการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายโควิด
ที่สำคัญทุกชาติกำลังรอคอยว่า นโยบาย “อเมริกัน เฟิร์ส” จะพลิกหลังมือให้กลับมาเป็นหน้ามือได้อย่างไร ซึ่งชาวโลกก็ไม่ผิดหวัง เพราะภายหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน ประธานาธิบดี “ไบเดน” ก็ลงนามในคำสั่งบริหารและคำสั่งอื่นๆ รวม 15 ฉบับ เพื่อรื้อนโยบายเก่าของอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ทันที
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนทุกคน ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารสถานที่ของรัฐบาล การเปิดสำนักงานประสานงานตอบสนองไวรัสโคโรนาประจำทำเนียบขาว หรือแม้แต่การสั่งยุติกระบวนการถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก
ขณะเดียวกัน “ไบเดน” ยังลงนามในเอกสารเริ่มกระบวนการกลับเข้าสู่ความตกลงปารีส และออกคำสั่งเพื่อจัดการปัญหาสภาพอากาศอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการยกเลิกคำสั่งอนุญาตโครงการท่อส่งน้ำมัน คีย์สโตน เอ็กซ์แอล
ไม่เพียงเท่านี้ “ไบเดน” ยังยกเลิกประกาศฉุกเฉินของ ทรัมป์ ที่อนุมัติงบสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนตอนใต้ และยุติคำสั่งห้ามพลเมืองจากชาติมุสลิมบางประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ อีกด้วย
ที่สำคัญและต้องจับตาเป็นอย่างยิ่งกับ การใช้มาตรการแพ็กเกจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของ “ไบเดน” ที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
เพราะถ้าการบริหารของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จ เศรษฐกิจของสหรัฐ พลิกฟื้น นั่นหมายความว่า…เศรษฐกิจโลก การค้าโลก ก็มีโอกาสอย่างยิ่งที่จะผงกหัวพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้
เมื่อสหรัฐ..ฟื้น โลก…ฟื้น นั่นหมายความว่าหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศที่เป็นคู่ค้าของสหรัฐ ย่อมมีโอกาสฟื้นตัวตามไปด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่ถือว่าสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ แม้จะมีมูลค่าหรือสัดส่วนลดลงมาบ้าง โดยล่าสุดสหรัฐ มีมูลค่าการค้ากับไทยเป็นอันดับที่ 20 โดยสหรัฐนำเข้าสินค้าและบริการจากไทยเป็นอันดับที่ 16 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 30,961.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสินค้าส่งออกหลัก ๆ ของไทยที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ นั้น มีทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลแปรรูป และอื่น ๆ อีกมากมาย
ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย ประเมินไว้ว่า หากนายโจ ไบเดน ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ จะส่งผลดีต่อการค้าของไทย โดยภาพรวมการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ในปีนี้ ในปี 2564 มีโอกาสขยายตัวได้ดีในกรอบ 10-12% ด้วยมูลค่าส่งออกราว 36,700-37,300 ล้านดอลลาร์ต่อปี ดีขึ้นจากปี 2563 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 6.4%
อย่างไรก็ตามล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เอง ได้ส่งสัญญาณมาชัดเจน นโยบายการค้าของ “ไบเดน” น่าจะส่งผลดีทำให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับกลุ่มประเทศเอเชียดีขึ้น ความร่วมไม้ร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการค้าการลงทุนกับไทยน่าจะดีขึ้นแน่ ทั้งการที่สหรัฐเข้ามาลงทุนในไทย หรือไทยเข้าไปลงทุนในสหรัฐ
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีมาตรการทางการค้าสูง หรือไทยมีขีดความสามารถการแข่งขันลดลง โดยไทยจะใช้สหรัฐฯ เป็นฐานการผลิตได้ อีกทั้งไทยยังสามารถใช้ประโยชน์ส่งออกไปทดแทนสินค้าจากจีนได้ เพราะสหรัฐฯ จะไม่ยกเลิกภาษีนำเข้าจากจีนในทันที ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายที่จะส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ที่ 4 %
แต่ใช่ว่า “ไบเดน” มา แล้วจะมีแต่ผลดีเท่านั้น ผลกระทบต่างๆ ก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะการพึ่งพาการผลิตในประเทศให้มากขึ้น นั่นหมายความว่า โอกาสที่สหรัฐจะใช้มาตรการที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษีเพิ่มมากขึ้น
ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วการบริหารงานของนายไบเดน ครั้งนี้จะพลิกโลก จะช่วยโลก ให้พ้นจากหลุมดำได้มากน้อยเพียงใด!!!
…………………………..
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo