“เพื่อไทย” จี้ ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภาฯ เปิดทางรัฐบาลใหม่บริหารประเทศ ซัด 8 ปีไร้ผลงานนโยบายหาเสียงทำไม่ได้ มุ่งรักษาอำนาจ
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.65 นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ขณะนี้เป็นช่วงปลายรัฐบาล ที่ทุกพรรคการเมืองเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง แต่ละพรรคการเมืองเริ่มทยอยประกาศนโยบายในการแก้ไขปัญหาประเทศกันแล้ว แต่สิ่งที่เกิดคำถามในใจประชาชน คือนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะพรรคแกนนำหลักของรัฐบาล ที่ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ยังไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้เลย เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ต่อวัน,เงินเดือนผู้จบ อาชีวะ 18,000 บาทและปริญญาตรี 20,000บาท นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นต้น ทำให้เห็นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่รับปากกับประชาชนไว้เลย มัวแต่สนใจแต่ประเด็นการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของกลุ่มตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด
“วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะสร้างดาวดวงใหม่เพื่อกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ แบบนี้แล้วประชาชนจะหวังพึ่งอะไรได้ นโยบายที่จะประกาศมาไม่มีอะไรรับประกันว่าจะได้รับความใส่ใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างจากพรรค พท. ที่เราเสนอนโยบายอะไรไว้เราทำได้จริง ประชาชนได้รับการแก้ปัญหาตามที่เรารประกาศไว้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองหาเสียงไว้ได้แบบนี้ก็ยุบสภาฯไปเลยดีกว่า ประเทศจะได้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงาน” นายพลภูมิ กล่าว
ด้าน น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตยานนาวา บางคอแหลม กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจ และคะแนนลำดับทุจริต Corruption Perceptions Index หรือ CPI คะแนนลดลงอย่างมาก จากภายใต้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ส่งผลกระทบภาพรวมในการบริหาร และความไว้ใจจากประชาชน ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ประชาชนมีความเดือดร้อน ทั้งด้านหนี้สิน ข้าวของแพง และ เงินเฟ้อ รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ และหนี้ครัวเรือนเป็นระเบิดเวลาข้างหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจในการหารายได้เข้าประเทศนั้นมีไม่มากพอ เมื่อได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด จึงทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันมาก แต่รัฐบาลชุดนี้กลับให้ความสำคัญ ในการใช้งบประมาณซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายครั้ง ในขณะที่ประชาชนนั้นพบสถานการณ์ยากลำบาก แต่กลับใช้งบประมาณในสิ่งที่ไม่เร่งด่วน โดยเฉพาะการเพิ่มงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธ ทั้งสภาพเศรษฐกิจ การเมือง สังคมไทย ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตนคิดว่าควรทบทวนเรื่องบทบาทหน้าที่ของทหารว่า ทหารควรอยู่ในการเมืองต่อไปหรือไม่
ขณะที่นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรค พท. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบประชาชนมีความเดือดร้อน ทั้งเรื่องเศษฐกิจ ปากท้องความเป็นอยู่ ปัญหาสังคมไม่ได้รับการแก้ไข เช่นเรื่องยาเสพติดที่มีการระบาดอย่างหนัก แต่เจ้าหน้าที่ไม่เหลียวแล เป็นผลมาจากการบริหารที่ปล่อยปะละเลย ไม่เอาใจใส่ปัญหาอย่างจริงจัง มีเรื่องทีก็ขันน็อตทีแบบที่เป็นอยู่ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จริงจังกับเรื่องนี้คงไม่มีใครกล้าแตกแถว แต่หากยังทำงานอยู่เหมือนเดิมปัญหานี้คงไม่ได้รับการแก้ไข ถึงอยากขอร้องว่าถ้าจะกลับมาเป็นนายกฯอีกแล้วไม่แก้ปัญหาให้ประชาชนเหมือน 8 ปีที่ผ่านมาอย่ากลับมาดีกว่า.